เจาะ 9 ประเด็นก่อนเกม “ลิเวอร์พูล” บุกรัง “เรือดำน้ำสีเหลือง”
“แชมเปี้ยนส์ลีก” รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2
มีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่ “ลิเวอร์พูล” จะก้าวเท้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ “แชมเปี้ยนส์ลีก” เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 5 ปี โดยพวกเขากุมความได้เปรียบเหนือ “บียาร์เรอัล” อยู่ 2-0 ก่อนที่ทั้ง 2 ทีมจะเผชิญหน้ากันในเกมชี้ชะตาในค่ำคืนนี้
โดยลูกทีมของ “เจอร์เก้น คล็อปป์” จะต้องทำภารกิจของพวกเขาในสเปนให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
และต่อไปนี้คือ 9 ประเด็นน่าสนใจก่อนเกม :
1. “บียาร์เรอัล” แพ้ในเกมล่าสุด
“บียาร์เรอัล” กำลังลงเล่นหนึ่งในเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขากับ “ลิเวอร์พูล” – นอกเหนือจากรอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 ในบ้านกับ “อาร์เซน่อล” ในปี 2006 และ “ยูโรป้าลีก” นัดชิงชนะเลิศกับ “แมนฯ ยูไนเต็ด” เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาจึงตัดสินใจทิ้งเกม “ลาลีกา” อย่างที่เห็นในวันเสาร์ที่ผ่านมา
โดย “บียาร์เรอัล” บุกไปแพ้ “อลาเบส” 2-1 หลังจาก “อูไน เอเมรี” ทำการเปลี่ยนแปลงถึง 8 ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้เล่นตัวหลักมีความสด
ซึ่งความพ่ายแพ้ดังกล่าวทำให้พวกเขารั้งอันดับ 7 ของตาราง
2. นักเตะ “บียาร์เรอัล” ที่ไม่พร้อมลงเล่น
ดูเหมือนจะมี “1 คนเข้า 1 คนออก” สำหรับ “บียาร์เรอัล” ในเกมวันอังคารนี้
ศูนย์หน้าคนสำคัญอย่าง “เจอราร์ด โมเรโน่” กลับมาสู่ทีม หลังจากได้รับบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย แต่ “อาร์เนาท์ ดันจูมา” ผู้ทำประตูสูงสุด จะพลาดเกมสุดสำคัญในคืนนี้เนื่องจากอาการป่วย
สำหรับรายอื่นๆ “อัลแบร์โต้ โมเรโน่” อดีตแบ็คซ้ายของ “ลิเวอร์พูล” ยังต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ ขณะที่ปีกซ้ายอย่าง “เยเรมี ปิโน” ก็ยังไม่พร้อมลงสนามเช่นกัน
3. คาดการณ์ 11 ตัวจริง “บียาร์เรอัล”
คาดว่า 11 ตัวจริงของ “บียาร์เรอัล” จะมีความคล้ายคลึงกับในเลกแรก โดยสถานการณ์การบาดเจ็บอย่างที่กล่าวไปแล้วน่าจะมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบางตำแหน่ง
หาก “โมเรโน่” กลับมา การอยู่ที่ม้านั่งสำรองในเกมที่มีความเข้มข้นสูงเช่นนี้ น่าจะเพียงพอสำหรับเขา แม้ว่าเขาจะร่วมฝึกซ้อมกับทีมในวันจันทร์แล้วก็ตาม
ผู้เล่นคนสำคัญอย่าง “ราอูล อัลบิโอล” และ “ฟรานซิส กอเกอแล็ง” จะกลับมาร่วมทีมอีกครั้งเคียงข้างกับ “เปา ตอร์เรส” และ “ดาเนียล ปาเรโฆ” โดยทั้งคู่ลงเล่นเพียงแค่ 45 นาที ในเกมกับ “อลาเบส”
คาดการณ์ 11 ตัวจริง “บียาร์เรอัล” : รุลลี – ฟอยต์, อัลบิโอล, ตอร์เรส, เอสตูปิญญัน – กาปู, กอเกอแล็ง, ปาเรโฆ – โล เซลโซ, ชุควูเซ, ดียา
4. ผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บของ “ลิเวอร์พูล”
ในขณะเดียวกัน นับว่า “ลิเวอร์พูล” ค่อนข้างมีโชคเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของผู้เล่น เนื่องจากผู้เล่นของ “เจอร์เก้น คล็อปป์” มีความฟิตสมบูรณ์ดีเกือบทั้งทีม
“โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่” ยังคงเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่พร้อมลงเล่น เนื่องจากเขายังมีอาการเจ็บที่เท้า ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถช่วยทีมได้นับตั้งแต่เดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม “ลิเวอร์พูล” ต้อนรับ “ดิว็อค โอริกี้” กลับสู่ทีมเป็นที่เรียบร้อย หลังจากเขาไม่ได้เดินทางไป “นิวคาสเซิล” กับทีมในช่วงสุดสัปดาห์ เนื่องจากอาการป่วย
5. คาดการณ์ 11 ตัวจริง “ลิเวอร์พูล”
“คล็อปป์” ทำการพักตัวผู้เล่นคนสำคัญที่ “นิวคาสเซิล” อันได้แก่ “อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, ติอาโก้ และโมฮัมเหม็ด ซาล่าห์”
ซึ่งคาดว่าผู้เล่นทั้ง 4 คน จะกลับมาเป็น 11 ตัวจริง ในวันอังคารนี้อย่างแน่นอน โดยน่าจะมาแทนที่ตำแหน่งของ “โจ โกเมซ, เจมส์ มิลเนอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และหลุยส์ ดิอ๊าซ”
ส่วนคนอื่นๆ “อิบราฮิมา โคนาเต้” อาจจะได้ลงเล่นแทน “โจเอล มาติป” ในขณะที่ “คอสตาส ซิมิคาส” ก็มีโอกาสออกสตาร์ทในตำแหน่งแบ็คซ้ายเช่นกัน
คาดการณ์ 11 ตัวจริง “ลิเวอร์พูล” : อลิสซอน – อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โคนาเต้, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน – ฟาบินโญ่, ติอาโก้, เกอิต้า – ซาล่าห์, มาเน่, โชต้า
6. พวกเขาสู้ตายแน่
ในการพูดคุยกับสื่อเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา “คล็อปป์” ไม่มีความประมาท “บียาร์เรอัล” เลยแม้แต่น้อย
“เราต้องพร้อมที่จะเล่นในระดับสูง เพราะพวกเขาสู้ตายแน่นอน” คล็อปป์กล่าว
“เพรสซิ่งสูง..และพวกเขาจะพยายามเล่นกับลูกบอลให้มากกว่าที่เราปล่อยให้พวกเขาเล่นในเกมแรก”
“จากการเปลี่ยนผู้เล่นถึง 8 คน และมี 2 คนที่เล่นเพียง 45 นาที ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเมื่อวานนี้พวกเขามีการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบ”
“อูไน จะพยายามปรับบางอย่างให้เข้ากับสไตล์การเล่นของเราอย่างแน่นอน แน่นอนว่ามันจะเป็นเกมที่น่าสนใจมากๆ”
7. สถิติรอบรอบชนะเลิศของ “ลิเวอร์พูล”
นี่คือรอบรองชนะเลิศ “แชมเปี้ยนส์ลีก” ครั้งที่ 6 ของ “ลิเวอร์พูล” และจากสถิติที่ผ่านมา พวกเขาควรจะรู้สึกในแง่บวก
ความผิดหวังเพียงครั้งเดียวของ “ลิเวอร์พูล” ใน 5 ครั้งที่ผ่านมาก็คือ การแพ้ด้วยสกอร์รวม 4-3 ให้กับ “เชลซี” ในปี 2008 และทำให้ลูกทีมของ “ราฟาเอล เบนิเตซ” พลาดโอกาสที่จะเข้าไปชิงชนะเลิศกับ “แมนฯ ยูไนเต็ด”
นอกจากนั้น “ลิเวอร์พูล” ได้ลิ้มรสชัยชนะทั้งหมด โดยพวกเขาสามารถผ่าน “เชลซี” ได้ในปี 2005 และ 2007 รวมถึง “โรม่า” และ “บาร์เซโลน่า” ในปี 2018 และ 2019 ตามลำดับ
8. คุณรู้หรือไม่?
“ลิเวอร์พูล” อาจขึ้นชื่อจากเกมรุกอันไหลลื่นและทรงประสิทธิภาพ ภายใต้การคุมทีมของ “เจอร์เก้น คล็อปป์” แต่พวกเขาก็สามารถเล่นเกมรับได้อย่างน่าทึ่งเช่นกัน นับตั้งแต่ที่ “อลิสซอน” และ “เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค” ย้ายเข้ามาสู่ทีม
โดยอ้างถึงสถิติอันน่าทึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากชัยชนะเหนือ “นิวคาสเซิล”
การไม่เสียประตูที่ “เซนต์เจมส์พาร์ค” หมายความว่าตอนนี้พวกเขาเก็บคลีนชีทได้ถึง 31 เกม จากการลงเล่น 56 นัด ในฤดูกาลนี้ ซึ่งมากกว่าทีมใดๆ ใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป
9. “มักเคลี” เป็นผู้เป่านกหวีด
ผู้ตัดสินที่มีชื่อเสียงอย่าง “แดนนี่ มักเคลี” จะเป็นผู้ดูแลเกมนี้ โดยผู้ตัดสินชาวดัตช์รายนี้ ถูกมองว่าเป็นผู้ตัดสินชั้นนำของโลกคนหนึ่ง
ครั้งสุดท้ายที่เขาตัดสินเกมที่ “ลิเวอร์พูล” ลงเล่น ต้องย้อนกลับไปเดือนธันวาคม เมื่อ “ลิเวอร์พูล” บุกไปชนะ “เอซี มิลาน” 2-1
และนี่จะเกมที่ 6 ที่ “ลิเวอร์พูล” และ “มักเคลี” ได้โคจรมาพบกัน โดยความพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวของ “ลิเวอร์พูล” เกิดขึ้นในปี 2020 เมื่อ “แอตฯ มาดริด” บุกมาชนะพวกเขาถึง “แอนฟิลด์”
คุณอาจสนใจ :
ตำนานสนามแอนฟิลด์
ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล
ทำเนียบแชมป์
ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล
a
Our References :
a
606 total views, 3 views today