บทความลิเวอร์พูล ความต้องการจากทีมคู่แข่งของลิเวอร์พูล
“ลิเวอร์พูล” ยังคงมีความหวังในการจบเป็นท็อปโฟร์ แต่เพียงชัยชนะ 4 นัดสุดท้ายนั้นไม่เพียงพอในการไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้า
“เจอร์เก้น คล็อปป์” กล่าวหลังจากชัยชนะ 2-0 ของ “ลิเวอร์พูล” เหนือ “เซาแธมป์ตัน” เมื่อคืนวันเสาร์ ที่ผ่านมาว่า หากพวกเขาสามารถเก็บได้ 12 แต้มจากโปรแกรมที่เหลือ 4 นัด ตำแหน่งท็อปโฟร์ก็จะตกเป็นของพวกเขา
นั่นเกิดขึ้นหลังจากการพ่ายแพ้ของ “เลสเตอร์ ซิตี้” และ “ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ” ก่อนหน้านี้ และแม้ว่า “เชลซี” จะสามารถขึ้นไปอยู่ที่ 3 ด้วยชัยชนะเหนือ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” 2-1 ทีมอย่าง “เวสต์แฮม” ก็ไม่สามารถเก็บแต้มเพิ่มได้ในวันอาทิตย์
นับเป็นย่างก้าวที่สำคัญในฤดูกาลอันยากลำบากของ “ลิเวอร์พูล” แม้ว่าแต่ละนัดที่ผ่านพ้นไปจะทำให้ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์มากขึ้น และมันเป็นช่วงโค้งสุดท้ายที่พลาดไม่ได้อีกแล้ว
อันดับในปัจจุบัน : 6
คะแนน : 57
โปรแกรมที่เหลือ : แมนฯ ยูฯ (เยือน), เวสต์บรอมฯ (เยือน), เบิร์นลี่ย์ (เยือน), พาเลซ (เหย้า)
คะแนนสูงสุดที่อาจทำได้ : 69
ยังมีโอกาสที่ค่อนข้างสูงที่ “ลิเวอร์พูล” จะได้ไปเล่นยูโรป้าลีก โดยสำรองอันดับที่ 5 และที่ 6 ไว้สำหรับทัวร์นาเม้นท์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรป แต่ชัยชนะ 3 จาก 4 เกม จะรับประกันว่าพวกเขาจะไม่ต้องไปเล่นทัวร์นาเม้นท์ใหม่อย่าง “ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก” อย่างแน่นอน
แต่เป้าหมายที่แท้จริงในขณะนี้คือการได้ไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก โดย “ลิเวอร์พูล” ยังมีโอกาสไปเล่นเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน
ในการบรรลุเป้าหมายเช่นนั้น เป็นที่แน่นอนว่า “ลิเวอร์พูล” ต้องการทั้ง 12 คะแนนจากนัดที่เหลือ ซึ่งจะต้องพบกับ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เวสต์บรอมวิช, เบิร์นลี่ย์ และคริสตัล พาเลซ” โดยจะทำให้พวกเขามีคะแนนรวมเป็น 69 แต้ม
แต่ “ลิเวอร์พูล” ก็ยังต้องการให้ผลการแข่งขันคู่อื่นๆ เป็นใจอีกด้วย อย่างน้อยก็จาก 2 ใน 3 ทีมอันได้แก่ “เลสเตอร์, เชลซี และเวสต์แฮม”
a
เชลซี
อันดับในปัจจุบัน : 3
คะแนน (ผลต่าง) : 64 (+7)
โปรแกรมที่เหลือ : อาร์เซน่อล (เหย้า), เลสเตอร์ (เหย้า), วิลล่า (เยือน)
คะแนนสูงสุดที่อาจทำได้ : 73
ทีมของ “โธมัส ทูเคิ่ล” อยู่ในสถานการณ์ที่ดีมาก และหลังจากเอาชนะ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ที่เอติฮัด พวกเขาทำคะแนนแซง “เลสเตอร์ ” เป็นที่เรียบร้อย และมีโอกาสจบอันดับ 3 สูงมาก
“เชลซี” ต้องชนะ 2 จาก 3 เกมเท่านั้น พวกเขาก็จะมีคะแนนทิ้งขาดจาก “ลิเวอร์พูล” ทันที แต่นั่นหมายความว่า จะเป็นการดึงแต้มจาก “เลสเตอร์ ” ไปในตัว
พวกเขายังคงสามารถแพ้หรือเสมอ “ทีมสุนัขจิ้งจอก” และการันตีการจบฤดูกาลเหนือ “ลิเวอร์พูล” โดยมีเงื่อนไขว่า พวกเขาจะต้องชนะทั้ง “อาร์เซน่อล” และ “แอสตัน วิลล่า” แต่การที่ “เชลซี” ต้องเตรียมตัวสำหรับนัดชิงชนะเลิศทั้งเอฟเอคัพ และยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก จะทำให้พวกเขาสะดุดได้หรือไม่???
a
เลสเตอร์ ซิตี้
อันดับในปัจจุบัน : 4
คะแนน (ผลต่าง) : 63 (+6)
โปรแกรมที่เหลือ : แมนฯ ยูฯ (เยือน), เชลซี (เยือน), สเปอร์ (เหย้า)
คะแนนสูงสุดที่อาจทำได้ : 72
“เลสเตอร์ ซิตี้” เป็นผู้ไล่ล่าท็อปโฟร์ที่นับว่ามีโปรแกรมในโค้งสุดท้ายหนักที่สุดก็ว่าได้ และด้วยฟอร์มการเล่นในปัจจุบัน ถือว่าพวกเขาเป็น “ตัวความหวังหลัก” ของ “ลิเวอร์พูล” เลยทีเดียว
ทีมของ “เบร็นแดน ร็อดเจอร์ส” ไม่เพียงจะต้องไปเยือนโอลด์แทร็ฟฟอร์ดเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องไปเยือน “เชลซี” และรับการมาเยือนของ “สเปอร์ ” อีกด้วย ดังนั้นความพ่ายแพ้เพียงนัดเดียวอาจจะมีราคาแพงมากสำหรับพวกเขา
“เลสเตอร์ ” ต้องการชนะ 2 นัด และเสมออีก 1 นัดในการรับประกันการจบอันดับที่ 4 แต่ความเป็นจริงก็คือ ไม่ทีมใดก็ทีมหนึ่งระหว่างพวกเขากับ “เชลซี” จะต้องทำแต้มหล่นอย่างแน่นอน!!!
a
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
อันดับในปัจจุบัน : 5
คะแนน (ผลต่าง) : 58 (+1)
โปรแกรมที่เหลือ : ไบร์ทตัน (เยือน), เวสต์บรอมวิช (เยือน), เซาแธมป์ตัน (เหย้า)
คะแนนสูงสุดที่อาจทำได้ : 67
“เวสต์แฮม” เป็นทีมม้ามืดที่ทำอันดับลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกได้อย่างน่าชื่นชมมาตลอด แต่พวกเขาเพิ่งแพ้ 3 ใน 4 เกมล่าสุดในลีก
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา พวกเขาหยิบยื่นความได้เปรียบเพิ่มขึ้นให้แก่ “ลิเวอร์พูล” เมื่อพวกเขาแพ้ให้กับ “เอฟเวอร์ตัน” 1-0 ในบ้าน ซึ่งหมายความว่า คะแนนสูงสุดที่เป็นไปได้คือ 67 แต้ม น้อยกว่าของ “ลิเวอร์พูล” อยู่ 2 แต้ม ในกรณีที่พวกเขาชนะได้ทุกนัดในโปรแกรมที่เหลือ
และการที่ “เวสต์แฮม” ลงเล่นมากกว่า “ลิเวอร์พูล” อยู่ 1 นัด น่าจะทำให้พวกเขามีโอกาสจบท็อปโฟร์น้อยกว่าทีมอื่นๆ
a
สถานการณ์ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้
- “ลิเวอร์พูล” ต้องชนะทั้ง 4 นัด เพื่อให้เกิดโอกาสเปิดกว้างสูงสุด
- “เชลซี” กับ “เลสเตอร์ ” ที่พบกันในวันที่ 18 พฤษภาคม จะมีการตัดแต้มกันอย่างแน่นอน
- “เวสต์แฮม” มีคะแนนมากกว่า “ลิเวอร์พูล” 1 แต้ม แต่ลงเล่นมากกว่า 1 นัด
- “ลิเวอร์พูล” อาจจะจบท็อปโฟร์ โดยไม่จำเป็นต้องชนะทั้ง 4 นัด หากทีมอื่นทำแต้มหล่นมากกว่าที่คาดการณ์
“ลิเวอร์พูล” จะต้องชนะทั้ง 4 นัด เพื่อคงอยู่ในสถานะทีมไล่ล่าตำแหน่งไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก แต่พวกเขาก็ยังต้องหวังพึ่งให้ทีมคู่แข่งอย่างน้อย 1 หรือ 2 ทีมเพลี่ยงพล้ำเช่นกัน
ด้วย “เชลซี” ที่คาดว่าน่าจะเก็บได้อย่างน้อย 6 คะแนนจากทั้งหมด 9 คะแนน “ลิเวอร์พูล” จะได้รับอานิสง หาก “เชลซี” เอาชนะ “เลสเตอร์ ” ได้ ขณะที่ “เวสต์แฮม” ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะพลาดท่าให้กับ “ไบรท์ตัน, เวสต์แฮม หรือเซาแธมป์ตัน” บ้างเช่นกัน
“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เป็นทีมที่ต้องพูดถึงด้วยเช่นกัน เมื่อพวกเขาต้องลงเล่นกับทั้ง “เลสเตอร์ ” และ “ลิเวอร์พูล” ขณะที่เอฟเอคัพนัดชิงชนะเลิศระหว่าง “เชลซี” และ “เลสเตอร์ ” ก็น่าจะเป็นข้อได้เปรียบอีกปัจจัยหนึ่งของ “ลิเวอร์พูล” ด้วยเช่นกัน
ณ จุดนี้ ทั้ง “เจอร์เก้น คล็อปป์” และลูกทีมของเขาทุกคนจะต้องมุ่งเน้นไปที่การเก็บอีก 12 คะแนน ตั้งแต่บัดนี้ไปจนฤดูกาลจบลง
อย่างไรก็ตาม นั่นจะหมายถึง “ลิเวอร์พูล” จะคว้าชัยชนะได้ 5 นัดติดต่อกัน ซึ่งพวกเขาไม่เคยทำได้ตั้งแต่ก่อนเกิดภาวะโรคระบาด ซึ่งในตอนนั้น พวกเขาสามารถชนะได้ 18 นัดติดต่อกันตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงกุมภาพันธ์ เลยทีเดียว
บางทีการคืนสู่สนามแอนฟิลด์ของแฟนบอล 10,000 คน ในวันที่ 23 พฤษภาคม อาจจะเป็นสิ่งที่ตัดสินโชคชะตาว่า “ลิเวอร์พูล” จะไปเล่นยูโรป้าลีก หรือแชมเปี้ยนส์ลีก ก็เป็นได้
a
คุณอาจสนใจ :
ข้อมูลนักเตะลิเวอร์พูล
ตำนานสนามแอนฟิลด์
ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล
ทำเนียบแชมป์
ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล
a
Our References :
863 total views, 1 views today