Tag: เชลซี

ฟาน ไดก์

ฟาน ไดก์ รับเจ็บปวดที่พ่าย เชลซี แม้ ลิเวอร์พูล การันตีแชมป์ไปแล้ว

เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ปราการหลังดีกรีทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ออกมาย้ำชัดว่า ทุกความพ่ายแพ้ของทีมนั้นเจ็บปวดเสมอ หลังจากที่ทีมหงส์แดง เพิ่งจะพ่ายต่อ ทัพสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี

ลิเวอร์พูล ที่ก่อนหน้านี้การันตีคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024-25 ไปครองเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ดูเหมือนจะยังอยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากการฉลอง หลังพวกเขาพ่ายต่อ เชลซี ไป 1-3 ในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม

ทั้งนี้แม้ว่าความพ่ายแพ้ในแมตช์ดังกล่าวจะไม่ได้ส่งผลอะไรกับทีมหงส์แดงแล้ว เนื่องจากพวกเขาการันตีคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษเป็ยสมัยที่ 20 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทาง เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ปราการหลังกัปตันทีมหงส์แดง ย้ำชัดว่า ทุกความพ่ายแพ้นั้นเป็นเรื่องที่เจ็บปวดเสมอ

โดยทางกองหลังดีกรีทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เผยผ่านทางเว็บไซต์ทางการของสโมสรลิเวอร์พูล ว่า “ทุกความพ่ายแพ้นั้นเจ็บปวด เราเป็นตัวแทนของลิเวอร์พูลในทุกที่ที่เราเดินทางไป เราโชคดีมาก และไม่ใช่โชคช่วย แต่ก็ถือว่าโชคดีที่เราไม่ได้แพ้หลายเกมมากเกินไปในการแข่งขันฟุตบอลลีก ดังนั้น ความพ่ายแพ้ครั้งนี้มันเจ็บปวด และมันควรจะเจ็บปวด ในความคิดของผม แม้ว่างานของเราจะสำเร็จไปแล้ว เราก็มีที่นี่เพื่อพยายามที่จะคว้าชัยชนะ และพยายามที่จะคว้าผลการแข่งขันที่ดี แต่โชคร้ายที่เราไม่สามารถทำได้แบบนั้น อย่างที่ผมได้บอกไป มันจำเป็นต้องเจ็บปวด เราทุกคนต่างเป็นแชมป์ และแน่นอนว่าผมหวังอย่างมาก”

ฟาน ไดก์

“ผมคิดวาเราทำได้ค่อนข้างดีกับการครองบอล แต่ผมคิดว่าตอนที่เราไม่มีบอลนั้น การไล่บอลยังไม่ดีเท่าไร และพวกเขาสามารถมองหาคนที่ว่างอยู่ในไลน์ของเรา แน่นอนว่าการเสียประตูเร็วนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่เรารู้ว่าหากเราเริ่มต้นเล่นในแบบที่เราต้องการและป้องกันให้ดีกว่านี้ เราก็สามารถสรา้งโอกาสได้มากมาย เราเองก็มีโอกาสหลายครั้งในการทำประตูเช่นกัน แต่ผมคิดว่าสุดท้ายแล้ว บางทีเขาอาจจะคู่ควรกับชัยชนะแล้ว และมันเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังเพราะเรามาที่นี่เพื่อชนะ และเรามาที่นี่เพื่อเดินหน้าเล่นในแบบที่เราเล่น แน่นอนว่าอาจจะเหนื่อย แต่มันไม่ดีเลย”

“ทุกคนที่เป็นนักฟุตบอลล้วนต้องการคว้าชัยชนะเสมอ นั่นคือสิ่งที่ผมคาดหวัง วิธีการซ้อมของเราตลอดสองสามวันที่ผ่านมา ทุกคนต่างพร้อมสำหรับมัน และมันเป็นเกมที่ใหญ่ การเจอกับทีมที่ยอดเยี่ยมมากที่กำลังต่อสู้เพื่อตั๋วแชมเปียนส์ ลีก เรารู้ดีว่ามันจะเป็นงานที่ยาก แต่ผมคิดว่ามีหลายจังหวะที่เราน่าจะทำได้ดีกว่านั้น โดยเฉพาะวิธีการเล่นเกมรับของเราทั้งทีม เราจำเป็นต้องยอมรับมัน เราจะทำการวิเคราะห์กันพรุ่งนี้ และเตรียมตัวสำหรับเกมต่อไปในวันอาทิตย์”

 35 total views

เคลเลเฮอร์

เคลเลเฮอร์ เนื้อหอม – เชลซี ควงสองทีม เซเรีย อา สนคว้าเข้ารัง

เรื่องราวเกี่ยวกับอนาคตของ ควีวีน เคลเลเฮอร์ นายด่านทีมชาติไอร์แลน์กับต้นสังกัดอย่าง ลิเวอร์พูล สโมสรดังจากพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ยังคงมีประเด็นให้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการเปิดเผยว่าเขากำลังได้รับความสนใจจากหลายสโมสรดังของยุโรป

ควีวีน เคลเลเฮอร์ แม้ว่าจะเป็นผู้รักษาประตูมือ 2 ของทีมหงส์แดง แต่หลายฝ่ายนั้นเชื่อว่านายด่านดีกรีทีมชาติไอร์แลนด์รายนี้มีดีพอที่จะเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ไปแล้ว หากเขาอยู่กับทีมอื่น แต่ในถิ่นแอนฟิลด์นั้น เขายังเป็นรอง อลิสซอน เบกเกอร์ มือกาวชาวบราซิล

ขณะเดียวกันจากการที่ก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูล ได้ออกมาประกาศตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนแล้วว่า พวกเขาได้ทำการเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ จอร์จี มาร์มาดาชวิลี นายทวารทีมชาติจอร์เจียของบาเลนเซีย มาเสริมทัพในฤดูกาลหน้า ทำให้อนาคตของ เคลเลเฮอร์ นั้น ยิ่งดูจะซับซ้อนกว่าเดิม ว่าเขาจะมีโอกาสเฝ้าเสาให้กับลิเวอร์พูลมากแค่ไหน

แต่ด้วยฝีมืออันยอดเยี่ยมของ เคลเลเฮอร์ ทำให้ล่าสุดทาง สำนักข่าวเดอะซัน รายงานว่า เชลซี กลายเป็นสโมสรล่าสุดที่ให้ความสนใจในการคว้าตัว ควีวีน เคลเลเฮอร์ นายด่านทีมชาติไอร์แลนด์ของ ลิเวอร์พูล

เคลเลเฮอร์ เนื้อหอม

โดยรายงานระบุว่าลิเวอร์พูลไม่ต้องการจะขายนักเตะที่ดีให้กับทีมร่วมลีก แต่หากเชลซียอมจ่ายในราคา35ล้านปอนด์ก็อาจทำให้ทางสโมสรยอมพิจารณาเงื่อนไข

และนอกจากเชลซีแล้วรายงานระบุว่ายังมี ยูเวนตุส และ นาโปลี สองทีมดังจากเซเรีย อา อิตาลี ที่อยากได้ตัวนายด่านรายนี้เช่นกัน

ทั้งนี้ เคลเลเฮอร์ โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงกับลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ หลังจากที่ อลิสซอน เบกเกอร์ นายด่านทีมชาติบราซิลได้รับบาดเจ็บ แต่หาก อลิสซอน หายเจ็บเมื่อไร เขาก็จะกลับสู่สถานะการเป็นมือสองของทีม ซึ่งปกติแล้วจะได้เฝ้าเสาในรายการฟุตบอลถ้วยเท่านั้น

ขณะที่ผลงานกับทีมชาติไอร์แลนด์ ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเพิ่งโชว์เซฟจุดโทษในศึกยูฟ่า เนชันส์ ลีก ซึ่งทำเอาตำนานทีมชาติอย่าง เควิน ดอยล์ ออกมาชื่นชมและแสดงความเชื่อมั่นว่านายทวารรายนี้จะก้าวขึ้นไปเป็นอันดับ 1-2 ของโลกได้ในอนาคตหากได้รับโอกาสเฝ้าเสาอย่างต่อเนื่อง

 163 total views,  2 views today

โจนส์ เปิดใจ

โจนส์ เปิดใจ ซัดประตูชัย พาหงส์เฉือนเชลซี

เคอร์ติส โจนส์ กองกลางชาวอังกฤษ สวมบทฮีโร่ ซัดประตูชัยให้ต้นสังกัดอย่าง ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ เอาชนะ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ไปได้แบบสุดมันส์ 2-1 ในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม

โดยเกมดังกล่าว เคอร์ติส โจนส์ กองกลางชาวอังกฤษ ที่เพิ่งกลายเป็นคุณพ่อหลังจากได้ลูกคนแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ช่วยเรียกจุดโทษให้โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แนวรุกทีมชาติอียิปต์ ซัดให้ลิเวอร์พูล ขึ้นนำในเกมนี้ 1-0 ก่อนจะมายิงประตูชัยให้ทีมหงส์แดง เอาชนะเชลซีไป 2-1

และจากชัยชนะในเกมนี้ ทำให้ลิเวอร์พูล ยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์ หลังจากเก็บไปแล้ว 21 คะแนน จากการลงเล่น 8 นัด

โดยหลังจบเกมเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกที่ลิเวอร์พูลสามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จ ในแมตช์นี้ ผ่านทางสกายสปอร์ต ว่า

“ใช่ มันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เราสามารถคว้าชัยชนะมาได้ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมได้มีส่วนร่วมเยอะมาก อย่างที่คุณบอก แต่ผมมีความสุขที่เราชนะ”

โจนส์ เปิดใจ

ส่วนเรื่องการเรียกจุดโทษที่นำมาสู่ประตูแรกในเกมนี้ เจ้าตัวเผยว่า “ผมจำได้ว่าผมเล่นกับบอลและวิ่งออกไป จากนั้นก็โดนชนเข้าที่หลัง และมันก็แค่นั่น ผมไม่เคยพุ่งล้ม ผมรู้สึกได้ถึงการสัมผัสและผมล้มลงไป และมันก็เป็นลูกจุดโทษ”

ส่วนเรื่องการมีส่วนร่วมกับเกมเจ้าตัวเผยว่า “ใช่ แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ สำหรับนักเตะที่ต้องการจะเล่นให้กับทีมนี้ คุณต้องวิ่ง คุณต้องมีพลังงาน คุณต้องเคลื่อนที่ไปทั่วทั้งสนาม คุณต้องช่วยทั้งการทำประตูและแอสซิสต์ หากุณอยู่ในตำแหน่งกองกลาง คุณต้องออกไปไล่บอล คุณต้องวิ่งลงมา คุณต้องช่วยทีม นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามจะทำ”

ขณะที่เรื่องประตูชัยของเจ้าตัวในเกมนี้ มิดฟิลด์ชาวอังกฤษ เผยว่า “ผมเคยทำได้หลายครั้งจากการเข้าไปในเขตโทษ และมันมักจะเป็นโอกาสแรก มีลูกนึงตอนเจอกับเลสเตอร์ซึ่งผมต้องวิ่งไปที่เสาสอง และอีกลูกในเกมกับสเปอร์ก็ด้วย ตอนที่โม ซาลาห์ได้บอลนั้น ผมต้องวิ่งให้เร็วที่สุดและผมคิดว่าผมจะวิ่งไปและจบสกอร์ แต่ก็เหมือนกับว่ามันเด้งด้วย ดังนั้น ผมคิดว่า ผมจำเป็นต้องสัมผัสบอลก่อน และมันจะเป็นการจับบอลที่สมบูรณ์แบบ ผมโชคดีมากพอในที่มันอยู่ในส่วนของผม และผมสามารถทำประตูได้”

 185 total views,  1 views today

ลิเวอร์พูล ประเดิมฟัดเชลซี

ลิเวอร์พูล ประเดิมฟัดเชลซี เปิดศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่

หงส์แดง ลิเวอร์พูล สโมสรดังจากพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ต้องเจองานหนักตั้งแต่นัดแรก สำหรับการแข่งขันฤดูกาลใหม่ หลังมีการเปิดเผยโปรแกรมการแข่งขันสำหรับฤดูกาลหน้าออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ความเคลื่อนไหวสำหรับการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ และเป็นลีกที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากแฟนบอลในประเทศไทย

ล่าสุดทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้มีการเปิดเผยโปรแกรมการแข่งขันประจำฤดูกาล 2023-2024 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยทางฝั่งของ ลิเวอร์พูล อีกหนึ่งสโมสรที่มีแฟนบอลติดตามเป็นจำนวนมากทั่วโลก ต้องโครจรมาพบกับ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาลหน้า

โดยผลการจับสลากโปรแกรมการแข่งขันปรากฏว่า มีคู่บิ๊กแมตช์ตั้งแต่นัดแรกเมื่อ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะบุกไปเยือน “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ในวันที่ 13 ส.ค.นี้ ด้าน แมนฯ ซิตี้ แชมป์เก่า จะบุกเยือน เบิร์นลีย์ น้องใหม่จากแชมเปียนส์ชิพ ในวันที่ 11 มิ.ย

ส่วนคู่อื่นๆ ที่น่าสนใจ อาร์เซนอล รองแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว พบกับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ วันที่ 12 ส.ค., เบรนต์ฟอร์ด พบ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ วันที่ 13 ส.ค. และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันที่ 14 ส.ค.

โปรแกรมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023-24 นัดแรก

ลิเวอร์พูล ประเดิมฟัดเชลซี

11 ส.ค.

เบิร์นลีย์ พบ แมนฯ ซิตี้

12 ส.ค.

อาร์เซนอล พบ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์

บอร์นมัธ พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

ไบรตัน พบ ลูตัน ทาวน์

เอฟเวอร์ตัน พบ ฟูแล่ม

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด พบ คริสตัล พาเลซ

นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พบ แอสตัน วิลลา

วันที่ 13 ส.ค.

เบรนต์ฟอร์ด พบ สเปอร์ส

เชลซี พบ ลิเวอร์พูล

14 ส.ค.

แมนฯ ยูไนเต็ด พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน

ขณะที่ศึก “แดงเดือด” นัดแรกของฤดูกาล ลิเวอร์พูล จะเปิด แอนฟิลด์ พบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนวันที่ 16 ธ.ค.นี้

ทั้งนี้ศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023-24 จะเริ่มเปิดฉากในวันที่ 11 ส.ค. 2023 และจะปิดซีซั่นวันที่ 19 พ.ค. 2024

สำหรับ ลิเวอร์พูล ฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาทำผลงานได้ไม่เข้าเป้าเสียทีเดียว เพราะจบการแข่งขันด้วยการเป็นอันดับ 5 ของตาราง ทำให้ชวดโอกาสไปเล่นในถ้วยใหญ่ของยุโรป อย่าง ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 

อย่างไรก็ตามพวกเขายังมีโอกาสลงทำการแข่งขันในถ้วยรองอย่าง ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ซึ่งเป็นถ้วยเดียวที่ เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันของหงส์แดง ลิเวอร์พูล ยังไม่เคยได้นับตั้งแต่มาทำงานในถิ่นแอนฟิลด์

 416 total views