เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ๊กขวาชาวอังกฤษ ประเดิมการกลับมาลงสนามให้กับลิเวอร์พูลอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการซัดประตูชัย และช่วยให้ทีมหงส์แดงขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้มากขึ้นอีกก้าว

ก่อนหน้านี้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ๊กขวาเจ้าของเสื้อหมายเลข 66 ไม่ได้ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม หลังจากที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน

อย่างไรก็ตามล่าสุดเจ้าตัวกลับมาฟิตสมบูรณ์และได้ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง หลังถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในช่วงครึ่งหลังของเกมพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ถึงถิ่นคิงเพาเวอร์ สเตเดียม เมื่อวันที่ 20 มีนาคม

และหลังจากนั้นเจ้าตัวกลายเป็นคนทำประตูชัยในแมตช์ดังกล่าวให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 1-0 ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล กวาดไปแล้ว 19 คะแนน จากการลงสนาม 33 นัด นำห่าง อาร์เซนอล ทีมอันดับสองของตาราง 13 คะแนนตามเดิม และหลังจากนี้ลิเวอร์พูลต้องการอีกแค่ 3 คะแนน ในช่วง 5 เกมสุดท้ายของซีซันนี้ พวกเขาก็จะการันตีคว้าแชมป์ลีกอังกฤษฤดูกาลนี้ไปครองทันที

โดยหลังจบการแข่งขันแมตช์ดังกล่าว ทาง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ออกมาเผยความรู้สึก ว่า

“แน่นอนว่า ผมมีช่วงเวลาที่ดีมากมายในสนามแห่งนี้ ทำประตูได้ 2-3 ลูกที่นี่ การเข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ ลีก ในตอนนี้ และเกมแรกของผมหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บด้วย”

“มันเป็นเกมที่สำคัญสำหรับผม ผมตื่นเต้นที่ได้กลับมา ผมทำงานหนักตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อที่จะกลับมาลงสนาม ผมต้องการที่จะเล่น และผมมีความสุขกับการทำประตู มันเป็นประตูที่สำคัญ”

ทั้งนี้ประตูดังกล่าว เจ้าตัวได้ฉลองด้วยการวิ่งถอดเสื้อ ซึ่งคล้ายกับตอนที่ทำเขาประตูใส่เลสเตอร์ เมื่อปี 2019 และทางเทรนต์เผยถึงประเด็นนี้ ว่า

“ใช่เลย มันคล้ายกัน ผมแน่ใจว่านั่นเป็นประตูแรกจากเท้าซ้ายในการเล่นอาชีพของผม มันใข้เวลาหลายปี แต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้น มันน่าจะเป็นหนึ่งในรูปแบบการทำประตูที่ผมยังขาดอยู่ แต่ผมได้เอามันมาใช้ในเวลาที่ถูกต้อง การเข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ ลีก ตอนนี้, ขาดชัยชนะอีกแค่เกมเดียวในตอนนี้ มันเข้าใกล้มาก และการได้ทำมันกับแฟนๆที่นี่มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ พิเศษมาก ๆ”

 15 total views,  1 views today

คอเนอร์ แบรดลีย์ แบ๊กขวาดาวรุ่งของลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ในเวลานี้ ผงาดคว้ารางวัลนักเตะไอร์แลนด์เหนือยอดเยี่ยม ประจำปี 2024 ไปครองได้สำเร็จ

คอเนอร์ แบรดลีย์ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเสมอเมื่อได้รับโอกาสลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล แม้ว่าเขาจะเป็นตัวเลือกอันดับสองของทีมก็ตาม

ส่วนผลงานกับทางทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ แบ๊กขวาจากสโมสรลิเวอร์พูลรายนี้ ลงเล่นให้กับทีมชาติของเขาไป 10 เกม ในปี 2024 และมีส่วนร่วมในการทำประตูถึง 4 ลูก

และหลังจากคว้ารางวัลดังกล่าวทาง คอเนอร์ แบรดลีย์ ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า “ผมภูมิใจอย่างมากที่ได้รับรางวัลนี้ แน่นอนเลยว่าปี 2024 เป็นปีที่ดี และไม่ใช่แค่สำหรับผม แต่มันเป็นปีที่ดีสำหรับทั้งทีมเลยทีเดียว”

“ผมภูมิใจมากที่ได้รับรางวัลนี้ สำหรับแฟนบอลด้วย ผมแทบจะไม่สามารถรอได้ที่จะได้เจอกับพวกคุณอีกครั้งในช่วงฤดูร้อนนี้ และในเดือนกันยายนนี้ เมื่อเราจะกลับไปฟาดแข้งในเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกกันอีกครั้ง เรามาเดินหน้าทำให้ดีไปด้วยกันต่อดีกว่า”

ขณะเดียวกัน คอเนอร์ แบรดลีย์ ยังออกมาพูดถึงการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ของลิเวอร์พูล ในปีนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เขามีส่วนร่วมกับทีมไป 14 เกม จากเกมลีกทั้งหมด 32 นัดที่ผ่านมา ซึ่งทีมหงส์แดงยังคงรั้งจ่าฝูงของตารางคะแนน โดยนำห่าง อาร์เซนอล ถึง 13 แต้ม ในช่วงที่เหลืออีกแค่ 6 เกมเท่านั้น

และทางแบรดลีย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับบีบีซี เกี่ยวกับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีก ว่า “มันคงเป็นอะไรที่พิเศษมากหากเราสามารถก้าวข้ามเส้นนั้นมาได้ เมื่อไรก็ตามที่คุณได้เข้ามาอยู่กับสโมสรอย่างลิเวอร์พูล คุณก็ต้องฝันถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก”

“ผมเชียร์ลิเวอร์พูลมาตลอดทั้งชีวิตของผม และการที่คว้าถ้วยแชมป์พรีเมียร์ ลีก กลับบ้านได้ มันคงเป็นอะไรที่พิเศษมาก”

“เราแค่ต้องเดินหน้าเล่นฟุตบอลของเราต่อไป มันมีเหตุผลที่เราอยู่ในตำแหน่งของจ่าฝูง เพราะว่าเราเล่นฟุตบอลที่ดีอย่างมากจริง ๆ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หากเราสามารถทำมันได้อีกสัก 2-3 เกม เราควรจะคว้าชัยชนะให้ได้ และผมแน่ใจว่ามันคงเป็นการฉลองแชมป์ที่ยอดเยี่ยมหากเราทำได้แบบนั้น”

 19 total views

อลิสซอน เบกเกอร์ นายทวารทีมชาติบราซิล ออกมาเผยความรู้สึก หลังระเบิดฟอร์มเยี่ยมให้กับทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล ต้นสังกัดในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ อีกครั้ง

ลิเวอร์พูล เพิ่งจะคว้า 3 คะแนนสำคัญ ในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ด้วยการเปิดสนามแอนฟิลด์ เอาชนะ ทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไป 2-1 เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

และจากชัยชนะในแมตช์นี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ยังนำห่างในการเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ด้วยการกวาดไปแล้ว 76 คะแนน จากการลงสนาม 32 แมตช์ นำห่าง อาร์เซนอล ทีมอันดับสองที่มี 63 คะแนน จากการลงเตะเท่ากันอยู่ถึง 13 คะแนน ในขณะที่เหลืออีกแค่ 6 นัดสุดท้ายในฤดูกาลนี้

ทั้งนี้ในแมตช์กับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด อลิสซอน เบกเกอร์ ได้โชว์การป้องกันอันยอดเยี่ยมให้กับทีมหงส์แดง และทำให้ทีมคว้าชัยชนะไปได้ และล่าสุดเขาออกมาพูดถึงเกมแมตช์ดังกล่าว ว่า

“มันเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานของผม ผมยินดีที่ได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง และทำผลงานที่ดีให้กับทีม ช่วยให้ทีมคว้า 3 คะแนน”

“โชคไม่ดีที่เราไม่สามารถเก็บคลีนชีตมาได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ 3 คะแนน และผมดีใจที่สามารถทำมันได้”

“ผมมักจะหัวเสียเสมอ เมื่อผมไม่สามารถจะมีส่วนร่วมกับเกมได้ และฤดูกาลนี้มันเกิดขึ้นไปแล้วหลายรั้ง แต่นี่เป็นส่วนหนึ่งในอาชีพของเราด้วยเช่นกัน มันเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นนักฟุตบอลที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์ที่น่าผิดหวังแบบนี้ สถานการณ์เหล่านี้กับเรื่องของอาการบาดเจ็บ, และผมมีความสุขที่ได้กลับมาช่วยทีมและมีความสุขในการเล่น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบที่จะทำ”

“เราเริ่มต้นเกมนี้กันได้ดีมาก ผมคิดว่านี่เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการที่เราเล่นได้ดี แม้แต่การป้องกัน, แม้แต่ว่าพวกเขาจะได้มีโอกาสทำประตูก็ตาม แต่ในพรีเมียร์ ลีก นั้น หากคุณเล่นไม่ดีสัก 20 นาที มันก็ทำให้คุณอาจจะโดนลงโทษได้ หรือแม้แต่แค่นาทีเดียวเท่านั้น คุณก็สามารถจะโดนลงโทษได้”

“อันดับในตารางคะแนนของเวสต์แฮมนั้นไม่ได้บอกอะไรเลยเกี่ยวกับคุณภาพและความเป็นทีมของพวกเขา พวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่ง เป็นทีมที่ดี และมีนักเตะที่ดีหลายคน และพวกเขาสร้างความปั่นป่วนในแดนกลางได้ด้วย ส่วนโดนหน้านั้นก็เป็นอะไรที่ยากในการรับมือ แต่ผมดีใจที่เราสามารถเก็บผลการแข่งขันมาได้ และทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายหลักของเราในฤดูกาลนี้มากขึ้นด้วย”

 24 total views

แอนดี โรเบิร์ตสัน แบ๊กซ้ายของลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงของพรีเมียร์ ลีก ลั่นพร้อมพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นถึงผลงาน หลังจากช่วงหลังเจ้าตัวโดนวิจารณ์ค่อนข้างเยอะ

ก่อนหน้านี้ แอนดี โรเบิร์ตสัน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญของลิเวอร์พูล ชุดคว้าแชมป์ประวัติศาสตร์พรีเมียร์ ลีก หนแรกในรอบ 30 ปี และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ของสโมสรแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลนี้ ดูเหมือนว่าผลงานของเขาจะดร็อปลงจนถูกแฟนบอลส่วหนึ่งออกมาวิจารณ์เกี่ยวกับผลงานของแบ๊กซ้ายดีกรีทีมชาติสก็อตแลนด์รายนี้

ก่อนที่ล่าสุด เขาจะออกมาเปิดเผยว่า วอล์ก ออน แม็กกาซีย ถึงความรู้สึกในเวลานี้ ว่า “หลายคนพูดเกี่ยวกับผมในฤดูกาลนี้ ซึ่งบางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยสัมผัสประสบการณ์มาก่อนในการอยู่ที่นี่”

“ส่วนหนึ่งมันเป็นเรื่องของความพอใจ เพราะผมผ่านช่วงเวลา 7 ปีที่นี่ โดยไม่ถูกพูดถึงมากนัก แต่สำหรับปีนี้ มีคนจับต้องที่ผมนิดหน่อยและอะไรทำนองนั้น มันเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอล”

“ความจริง คือ ผมได้เป็นตัวจริงให้กับลิเวอร์พูล มา 8 ปีแล้ว ผมภูมิใจอย่างมากสำหรับเรื่องนั้น มันไม่ใช่เรื่อง่ายที่จะทำแบบนั้นที่สโมสรแห่งนี้ที่มีขุมกำลังขนาดใหญ่ และพวกเขาสามารถจะคว้าใครเข้ามาร่วมทีมก็ได้ในโลกใบนี้”

“ผมยังคงต้องการที่จะได้เป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ๊กซ้าย แต่คุณต้องก้มหน้าทำงานต่อไป หากมีใครสักคนต้องการจะวิจารณ์คุณ”

“ผมเชื่อว่าฟุตบอลกำลังเป็นแบบนั้น เมื่อผู้คนพยายามที่จะมองหาแพะรับบาป และมันทีมันอาจจะเป็นเวลาของผม แต่หากมันเป็นทีของผม มันก็จะเป็นการลดความสนใจให้กับนักเตะคนอื่น ๆ แทน”

“ผมเคยเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นกับนักเตะหลายคนมาก่อนแล้ว และผมจะได้เห็นว่ามันเกิดขึ้นกับคนอื่นอีกในอนาคต แน่นอนว่าตอนนี้เป็นทีของผม และผมแค่ต้องก้มหน้ามุ่งมั่นและเดินหน้าทำงานหนักต่อไป”

“ผู้จัดการทีมกำลังช่วยเหลือเราตลอดเวลา และทีมโค้ชก็ด้วยเช่นกัน และผมเชื่อว่า ผมอยู่ในช่วงเวลาที่ดีสำหรับตอนนี้ ซึ่งบางทีมันอาจจะไม่ค่อยถูกพูดถึงเท่าไร ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้ง เมื่อคุณทำพลาดสักครั้ง ผู้คนก็จะโดดลงมาพูดถึงมัน และคุณแค่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาคิดผิด”

“ผมเคยทำผิดพลาดบ้าง อย่างการโดนไล่ออกในเกมกับฟูแลม นั่นมันไม่ใช่ผมเลย แต่ผู้คนต่างเอาแต่มองหาความผิดพลาดที่ใหญ่กว่านั้น ซึ่งบางทีมันอาจจะไม่มีจริง”

 43 total views,  1 views today

วาตารุ เอนโด กองกลางดีกรีทีมชาติญี่ปุ่น ออกมาเปิดเผยถึงความรู้สึกดี ๆ ที่ได้รับจากเหล่าแฟนบอลหงส์แดง ลิเวอร์พูล ต้นสังกัดในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

วาตารุ เอนโด เริ่มกลายเป็นที่รักของเหล่าแฟนบอลลิเวอร์พูลมากขึ้น จนถึงขั้นที่เหล่าสาวกเดอะค็อปจัดการแต่งเพลงให้กับมิดฟิลด์เลือดซามูไรรายนี้เรียบร้อยแล้ว

โดยก่อนหน้านี้ เอนโด ได้รับคำชื่นชมจากแฟนบอลทีมหงส์แดง จากความเป็นมืออาชีพของเขา และความทุ่มเทที่พร้อมจะจัดเต็มให้กับทีมในทุกครั้งที่ได้ลงสนาม แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วเขาจะได้ลงเล่นในช่วงท้ายเกม และมีหน้าที่ลงไปปิดเกมให้กับทีมก็ตาม

ล่าสุดทาง กองกลางชาวญี่ปุ่น ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า “แม้แต่ในฤดูกาลนี้ ตอนที่ผมได้ลงไปเล่นในสนาม แฟนบอลลิเวอร์พูลจะพยายามสนับสนุนผมเสมอ และพวกเขาก็พากันมาคอมเมนต์ในอินสตาแกรม หรือ เอ็กซ์ของผมกันด้วย”

“ดังนั้น มันรู้สึกได้จริง ๆ ว่าพวกเขาสนับสนุนผม ผมคิดว่าแฟน ๆ รักผม”

นอกจากนี้ทาง เอนโด ยังพูดถึงการทำงานร่วมกับ อาร์เนอ ชล็อต เทรนเนอร์คนปัจจุบันของลิเวอร์พูล ซึ่งเพิ่งเข้ามาคุมทัพเป็นซีซีนแรก ว่า

“เมื่อไม่นานมานี้ อาร์เนอ บอกกับผมว่า สิ่งที่ผมได้ทำไปในฤดูกาลนี้เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก และเป็นสิ่งที่ช่วยทีมได้อย่างมาก”

“เพราะถึงแม้ว่า ผมอาจจะไม่ได้ลงเล่นมากเท่าไร แต่ทุกครั้งที่ผมลงสนาม ผมพยายามจะทุ่มเท 100 เปอร์เซ็นต์เพื่อช่วยทีมเสมอ และทางผู้จัดการทีมของผมก็รู้สึกขอบคุณในเรื่องนั้นด้วย”

สำหรับ วาตารุ เอนโด ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูล ในยุคของ เจอร์เกน คล็อปป์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมันซึ่งเป็นหนึ่งในกุนซือที่แฟนบอลหงส์แดงเคารพรักอย่างมาก เพราะเป็นคนที่พาลิเวอร์พูลปลดล็อกแชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่เหล่าสาวกหงส์แดงเฝ้ารอกันมายาวนานกว่า 30 ปี

ขณะที่ผลงานของ อาร์เนอ ชล็อต เทรนเนอร์คนใหม่ของลิเวอร์พูล ที่เข้ามาคุมทีมในฤดูกาลนี้ กุนซือชาวดัตช์เพิ่งจะพลาดโอกาสฉลองแชมป์ถ้วยแรกไปอย่างน่าเสียดาย หลังพ่ายให้กับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วยในประเทศอย่าง คาราบาว คัพ

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ของ ลิเวอร์พูล ยังค่อนข้างสดใส หลังจากที่พวกเขากวาดไปแล้ว 70 คะแนน จากกลงสนาม 29 นัด รั้งจ่าฝูงของตารางคะแนน พร้อมกับนำห่าง อาร์เซนอล ทีมรองจ่าฝูงถึง 12 แต้ม

 36 total views,  1 views today

เว็บไซต์โฟร์โฟร์ทู รายงานว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ปราการหลังกัปตันทีมลิเวอร์พูล ได้ตัดสินใจเรื่องอนาคตของตัวเองในถิ่นแอนฟิลด์เรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้เรื่องราวเกี่ยวกับอนาคตของ เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ กับ ลิเวอร์พูล จ่าฝูงของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มีออกมาให้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เขากำลังจะหมดสัญญาในถิ่นแอนฟิลด์ ในช่วงฤดูร้อนนี้ และยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการต่อสัญญาใหม่กับทีมหงส์แดง

และล่าสุดทาง โฟร์โฟร์ทู ซึ่งนิยามว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ เป็นกองหลังอันดับ 1 ของโลกในเวลานี้ ได้ระบุว่าเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์แบบไร้ค่าตัว หลังจากหมดสัญญากับลิเวอร์พูลเมื่อจบการแข่งขันฤดูกาลนี้

สำหรับ เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ย้ายจากเซาแฮมป์ตัน มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ และกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมหงส์แดงตั้งแต่ในยุคของ เจอร์เกน คล็อปป์ และเขามีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์มากมาย รวมถึงแชมป์ที่แฟนบอลรอคอยกันมากว่า 30 ปี อย่าง แชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ และนอกจากนี้เขายังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ เมื่อปี 2019 ด้วย

และแม้ว่าปัจจุบันเขาจะอายุ 33 ปีแล้ว แต่เจ้าตัวยังคงโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างโดดเด่น และเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับของลิเวอร์พูล

แต่เขากำลังจะหมดสัญญากับทีมหงส์แดง หลังจบฤดูกาลนี้ เช่นเดียวกับอีกสองแข้งหลักอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่มีข่าวเตรียมย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ ที่มีกระแสว่าได้รับความสนใจจากทีมในซาอุดีอาระเบีย

และตอนนี้สื่อในสเปนอย่าง ฟิคาเชส ได้ออกมารายงานว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ได้ตัดสินใจที่จะปิดฉากช่วงเวลาของเขากับทีมดังจากเมอร์ซีไซด์แล้วด้วยการย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวด้วยกฎบอสแมน หลังหมดสัญญากับทีมหงส์แดงตอนจบฤดูกาลนี้

ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยว่า เขากำลังได้รับความสนใจจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่แห่ง ลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่อยากดึงเขาไปร่วมทัพและเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญที่จะเข้ามาอยู่ในแผนงานใหม่ของทางเปแอสเช

 36 total views

ปีเตอร์ เคราช์ และ สตีเวน เจอร์ราร์ด สองตำนานนักเตะลิเวอร์พูล ออกมาเผยความรู้สึก หลังลงสนามให้ทีมตำนานแข้งหงส์แดง เอาชนะทีมตำนานนักเตะเชลซีไปได้ 2-0 ในการแข่งขันฟุตบอลกาลกุศล แอลเอฟซี ฟาวเดชัน แชริตี แมตช์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม

โดนเกมนี้ ปีเตอร์ เคราช์ อดีตกองหน้าดีกรีทีมชาติอังกฤษ ได้ลงเล่นในครึ่งหลัง และเป็นคนทำประตูแรกของเกม ในนาทีที่ 55 ก่อนที่จะซัดเพิ่มอีกหนึ่งประตูด้วยลูกชิพสุดสวย ในนาทีที่ 65 และช่วยให้ตำนานหงส์แดงคว้าชัยชนะไปในแมตข์นี้

โดยหลังจบการแข่งขันเจ้าตัวได้ออกมาเผยความรู้สึกว่า “ผมสามารถบอกได้เลยว่ามันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ เพราะผมไม่เคยคิดว่าผมจะได้กลับมาที่นี่ในฐานะนักเตะ ดังนั้น การได้เล่นในเกมนี้ถือเป็นครั้งแรกของผม และเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับทางมูลนิธิ แต่การทำได้ 2 ประตู ต่อหน้าครอบครัวและเพื่อนๆของผม มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก”

“การได้เล่นต่อหน้าลูกๆ เป็นอะไรที่พิเศษมาก และการได้เล่นกับนักเตะอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด อีกครั้ง ก็มหัศจรรย์มาก ลูกชายคนเล็กของผมยังไม่เคยเห็นผมเตะฟุตบอลมาก่อนเลย และผมคิดว่าผมคงโกหกเขาเกี่ยวกับมัน ดังนั้นมันเป็นวันที่ยอดเยี่ยม และเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทางมูลนิธิด้วย”

ส่วน สตีเวน เจอร์ราร์ด ตำนานกองกลางของลิเวอร์พูล ที่ได้ลงเล่นในแมตช์นี้เช่นกัน กล่าวว่า “เราพยายายามที่จะทำให้เขา (ปีเตอร์ เคราช์) ทำประตูที่สามให้ได้ ทุกคนต่างวิ่งด้วยกำลังที่มี ผมคิดว่าเราเล่นได้ดีตลอดทั้งเกม แต่แค่ต้องการเวทมนต์นิดหน่อย แรงบันดาลใจนิดหน่อยจากด้านข้าง จากนั้นเดอะบิกแมนก็ลงมา และจัดการมันได้เยี่ยม”

“ผมคิดว่าตอนนี้ทุกคนกำลังสนใจเรื่องการลุ้นแชมป์ ซึ่งลิเวอร์พูลกำลังจะมีเกมใหญ่กับเอฟเวอร์ตัน แต่ระหว่างช่วงเบรกทีมชาติ เมื่อคุณได้รับเชิญมาเล่นต่อหน้าแฟนบอล มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธ อย่างที่ ปีเตอร์ เคราช์ ได้บอกไป ความสำคัญแรกคือมูลนิธิเสมอ การทำเงินก้อนโตเพื่อสนับสนุนพื้นที่, สนับสนุนอดีตนักฟุตบอลที่ต้องการมัน แต่มันคงจะสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีเหล่าแฟนๆ พวกเขามาที่นี่ จ่ายเงินเข้ามาดู และมันเต็มความจุของสนาม มันน่าเหลือเชื่อมาก มันคงไม่มีทางเกิดขึ้นกับสโมสรอื่น เคราชี่ เป็นฮีโร่ของเราในวันนี้ แต่ฮีโร่ตัวหลักของเราคือแฟนบอลเสมอ”

 44 total views,  2 views today

เส้นทางการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ของ ลิเวอร์พูล ดูจะเริ่มีอุปสรรคมากขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ อลิสซอน เบกเกอร์ นายด่านชาวบราซิล ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ในระหว่างที่เขากำลังทำหน้าที่ให้กับทีมแซมบ้า

อลิสซอน เบกเกอร์ มือกาววัย 32 ปี ถูกทีมชาติบราซิลเรียกไปติดทีมชาติ และได้ทำหน้าที่เฝ้าเสาในเกมที่พวกเขาเอาชนะ โคลัมเบีย ในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซน อเมริกาใต้ ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 

อย่างไรก็ตามในแมตช์ดังกล่าว เขาถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ในนาทีที่ 78 หลังมีจังหวะปะทะกับ ดาวินซอน ซานเชซ กองหลังทีมชาติโคลัมเบีย จากสโมสรสเปอร์ และนายด่านจากลิเวอร์พูลถูกกระแทกเข้าที่ศีรษะ

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ทาง อลิสซอน ถูกกระแทกเข้าที่หัว ในระหว่างที่เขาออกไปชกบอลทิ้ง จากจังหวะลูกเปิดเข้ามาในเขตโทษของโคลัมเบีย

ซึ่งหลังจบแมตช์ดังกล่าวทาง โรดริโก ลาสมาร์ แพทย์ประจำทีมชาติบราซิล ออกมาเผยถึงอาการของนายด่านมือ 1 ของทีมแซมบ้าและหงส์แดง ว่า 

“เบกเกอร์ ได้รับาดเจ็บบริเวณศีรษะ เขาถูกเปลี่ยนตัวออกเพราะมีการกระทบกระเทอืนที่หัว ตอนนี้เราได้ทำตามมาตรการทุกอย่างของสมาคมฟุตบอลบราซิล และเขาต้องเข้ารับการรักษาตามคำแนะนำ โดยจะทำได้รับการตรวจและเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ จากนั้นจึงทำการตรวจคลื่นเสียงสะท้อนพร้อมการแพร่กระจาย”

“หากผลการทดสอบออกมาเป็นปกติ และเราติดตามอาการต่อและทำการทดสอบเพิ่มเติมในช่วง 2-3 วันหลังจากนี้ สำหรับวันนี้เราจะเริ่มจากการตรวจที่จำเป็นทั้งหมดก่อน”

“ซึ่งทางอลิสซอนอยู่ในอาการปกติ โดยไม่มีอาการอะไร เขาไม่ได้มีอาการเป็นลมหรือสูญเสียความทรงจำ เขาคิดว่ามันดูช้าลงนิดหน่อย ซึ่งคำแนะนำ คือ การเปลี่ยนตัวผู้เล่น”

ทั้งนี้ นอกจาก อลิสซอน เบกเกอร์ ก่อนหน้านี้ ไรอัน กราเฟนเบิร์ช อีกหนึ่งนักเตะคนสำคัญของลิเวอร์พูล ก็เพิ่งเดินทางกลับมารักษาตัวต่อที่สโมสร หลังจากมีอาการบาดเจ็บระหว่างที่มิดฟิลด์รายนี้ทำหน้าที่รับใช้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ในช่วงเบรกทีมชาติรอบนี้เช่นกัน

สำหรับลิเวอร์พูล ปัจจุบันรั้งจ่าฝูงของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ หลังกวาดไปแล้ว 70 คะแนน จากการลงสนาม 29 นัด นำห่าง อาร์เซนอล ทีมอันดับสองของตาราง อยู่ 12 คะแนน จากการลงสนามเท่ากัน

 37 total views

โดมินิก โซโบสไล กองกลางดีกรีทีมชาติฮังการี ออกมากระตุ้นเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลในการลุ้นคว้าแชมป์แรกของฤดูกาลนี้ ในรอบชิงชนะเลิศรายการฟุตบอลในประเทศอย่าง คาราบาว คัพ

ลิเวอร์พูล เพิ่งจะเจอกับความผิดหวังในฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป อย่าง ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก หลังต้องยุติเส้นทางของพวกเขาไว้ที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทั้งที่ผ่านเข้ารอบมาด้วยการเป็นอันดับ 1 ของรอบลีกเก็บคะแนน ที่เพิ่งเปลี่ยนมาใช้รูปแบบนี้เป็นฤดูกาลแรกด้วย

อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วพวกเขาต้องตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเนื่องจากพ่ายแพ้ต่อ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่แห่ง ลีก เอิง ฝรั่งเศส ในการดวลจุดโทษตัดสิน หลังจากทั้งสองทีมมีผลรวมสองนัดเสมอกัน 1-1

ทั้งนี้พวกเขาจำเป็นต้องลืมความผิดหวังในแมตช์ดังกล่าว เพราะมีอีกหนึ่งโปรแกรมสำคัญ คือ ฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่จะพบกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในวันที่ 16 มีนาคม นี้

โดยล่าสุด โดมินิก โซโบสไล กองกลางของลิเวอร์พูล ออกมาพูดถึงเกมนัดชิงชนะเลิศถ้วยนี้ ว่า “มันน่าเหลือเชื่อ ผมเคยมีโอกาสลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2024 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงสนามเพราะมีอาการบาดเจ็บ หวังว่าในเวลานี้ผมจะมีโอกาสในการลงเล่น แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของโค้ช แต่ตัวผมเองก็พร้อมที่จะลงสนาม”

“ผมจะรอจนถึงที่สุดเพื่อดูว่าผมจะสามารถลงเล่นได้หรือไม่เมื่อปีที่แล้ว ผมต้องการลงเล่นมาก แต่ผมเองก็ยังมีอาการบาดเจ็บ”

“แต่เมื่อมาคิดถึงระยะยาว ดังนั้น มันน่าจะดีกว่าที่จะไม่เสี่ยงเพื่อเกมเดียว และเล่นได้ในระยะยาวกว่านั้น ดังนั้นนั่นคือเหตุผลที่เราตัดสินใจว่าผมจะไม่ได้เล่น แต่เพื่อนก็ทำได้ดีมากและหวังว่าปีนี้เราก็จะยังทำได้ดีอีกครั้ง”

“แน่นอนว่า การคว้าถ้วยแชมป์มันคือเป้าหมายของพวกเรา เมื่อปีที่แล้วมันค่อนข้างจะลำบากนิดหน่อย อย่างที่ผมได้บอกไป เราจำเป็นต้องรอจนถึงช่วงท้ายเกม ในนาทีสุดท้าย และผมได้เห็นว่าพวกเขาพยายามกันหนักมาก และสามารถรู้สึกถึงพวกเขาได้เลย”

“แต่ใช่ นั่นคือสิ่งที่เราจะออกไปที่นั่นเพื่อที่จะพยายามจะคว้าถ้วยแชมป์ให้ได้ เราพร้อมที่จะสู้ คุณไม่รู้ว่าใครจะได้เล่น แต่มันไม่ได้สำคัญว่าใครจะได้เล่นในฝั่งของเรา เพราะทุกคนต่างพร้อมที่จะสู้ และทุกคนพร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อทีม”

 40 total views

เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ปราการหลังกัปตันทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ยกเกมที่เอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นเกมตัวอย่างที่ทั้งทีมความจะทำให้ได้ เพื่อไปสู่ความสำเร็จในการแข่งขันฤดูกาลนี้

เกมดังกล่าว ลิเวอร์พูล ได้ประตูชัยจาก ฮาร์วีย์ เอลเลียต กองกลางดาวรุ่งของทีม ที่ลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกม ก่อนจะใช้เวลาแค่ 46 วินาที ในการพังประตูสำคัญให้กับทีมดังจากเมอร์ซีไซด์

ทั้งนี้แม้ว่าเกมดังกล่าว ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายที่ถูก เปแอสเช คุมเกมได้มากกว่า แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ

และล่าสุดทาง เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ กองหลังชาวดัตช์ได้ออกมาเปิดใจผ่านเว็บไซต์ทางการของสโมสร ว่า

“มันไม่เคยเป็นเรื่องง่ายในการที่ต้องออกไปเล่นนอกบ้านในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก โดยเฉพาะการเจอกับทีมที่เต็มไปด้วยคุณภาพและความเข้มข้นอย่าง เปแอสเช”

“เรารู้มาก่อนที่เกมจะเริ่มแล้วว่า มันจะมีช่วงเวลาในเกมนั้นที่พวกเราต้องเจ็บปวด และนั่นคือสิ่งที่เราจำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงตัวตน, ความเสียสละ และความเป็นหนึ่งเดียวกัน”

“เราแสดงให้เห็นถึงสิ่งเหล่านั้น และแน่นอนว่ามันช่วยได้เมื่อคุณมีสิ่งเหล่านั้นอยู๋ ในมุมมองของผม ผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดในโลกอยู่ในทีมแล้ว อลิสซอน เบกเกอร์ เขาช่วยพวกเราไว้หลายครั้งในอดีต และฟอร์มการเล่นของที่กรุงปารีส ก็เป็นอีกหนึ่งฟอร์มที่พิเศษที่เขาสามารถเก็บเอาไว้ในคอลเลกชันได้อย่างแน่นอนเลย”

“ผมต้องเจอกับความเครียด อย่างไรก็ตาม มันคือความทุ่มเทของทีม ไม่ว่าเมื่อไรก็ตามที่เราสามารถเอาชนะการแข่งขันได้ และเป็นอีกครั้งที่พวกคุณได้เห็นในเกมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่า ผู้เล่นของเราสามารถออกมาจากมานั่งสำรอง และสร้างสิ่งที่มีผลในแง่บวกกับเราได้อย่างมาก”

“การประสานงานของ ฮาร์วีย์ เอลเลียต และ ดาร์วิน นูนเญซ สำหรับประตูชัย แต่เราต้องไม่มองข้ามผลงานของ วาตารุ เอนโด และ เคอร์ติส โจนส์ ด้วยเช่นกัน พวกเขาแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ถูกต้องทันที่ที่ก้าวลงสู่สนามในเกมที่ยากลำบาก และมันช่วยให้พวกเราได้ประโยชน์”

“แน่นอนว่า งานนี้ยังต้องไปปิดฉากกันที่แอนฟิลด์ในสัปดาห์หน้า มันเป็นเพียงแค่ครึ่งแรกเท่านั้น และยังมีงานอีกมากมายที่เราต้องทำให้สำเร็จ เราคาดหวังว่าจะเจอกับบทที่สอบที่ยากสุดๆ ในเกมเลกที่สอง”

 80 total views,  6 views today