เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ปราการหลังชาวดัตช์ กัปตันทีม“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สโมสรดังจากพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เผย ทุกคนในทีมต้องนำความหัวเสียจากเกมแดงเดือดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในเกมหลังจากนี้
ลิเวอร์พูล เพิ่งทำได้แค่เปิดสนามแอนฟิลด์ เสมอกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมคู่ปรับตลอดกาลของทีม แบบไร้สกอร์ 0-0 ในศึกแดงเดือด ของเกมพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา
โดยในเกมดังกล่าว ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายที่คุมเกมได้มากกว่า และมีโอกาสลุ้นประตูหลายครั้ง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถส่งบอลไปกองที่ก้นตาข่ายของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้
และด้วยรูปเกมที่เหนือชั้นกว่า ทำให้ผลการเสมอนั้นไม่เพียงพอที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ กัปตันทีมคนปัจจุบันของ ลิเวอร์พูล รู้สึกหัวเสีย และไม่พอใจกับสกอร์ของแมตช์ดังกล่าวที่ออกมาอย่างมา
โดยทันทีที่จบเกม เขาก็ได้แสดงออกถึงความไม่พอใจกับผลการแข่งขันพร้อมกับให้สัมภาษณ์โจมตีทีมคู่ของอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่า มาเล่นแมตช์ดังกล่าวแบบไม่ได้คิดถึงการคว้าชัยชนะ มีเพียงแค่ลิเวอร์พูลงฝั่งเดียวเท่านั้นที่หวังถึง 3 คะแนน
และล่าสุดเจ้าตัวออกมาให้สัมภาษณ์กับทางเว็บไซต์ทางการของสโมสร ลิเวอร์พูล ต่อยอดจากประเด็นดังกล่าว ว่า
“เราต่างหัวเสียเมื่อสุดสัปดาห์ แต่ตอนนี้ เราต้องนำความหัวเสียมาใช้ในเกมต่อไป และมาดูกันให้ดีกว่าเดิมในจุดที่เราจำเป็นต้องพัฒนาให้ดีขึ้น”
“หากเราสามารถทำแบบนั้นได้ มันก็ไม่ได้มีอะไรที่จะการันตีว่าเราจะคว้าชัยชนะ แต่แน่นอนว่ามันจะช่วยให้เรามีโอกาสที่มากขึ้น”
“มันไม่มีสูตรเวทย์มนต์อะไรที่ และไม่มีอะไรที่จะการันตีเส้นทางที่ไปสู่ความสำเร็จจได้ภายใต้เส้นทางการแข่งขันแบบนี้ แต่เรารู้ดีว่าว่าเราต้องรวมกันเป็นหนึ่ง, ทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้ทั้งในส่วนบุตตล และในส่วนของการทำงานเป็นทีม ค่อยๆทำกันไปแบบเกมต่อเกมที่ผ่านเข้ามา ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพคู่ต่อสู้ด้วย เราไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากการช่วยเพิ่มโอกาสของเรา”
ทั้งนี้จากผลการเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ ลิเวอร์พูล หล่นไปอยู่อันดับสองของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เนื่องจากโดน อาร์เซนอล แซงปาดหน้าขึ้นไปรั้งจ่าฝูงแทน
อย่างไรก็ตามทัพหงส์แดง มีโอกาสที่จะทวงตำแหน่งจ่าฝูงของพวกเขาคืนได้ในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เพราะพวกเขาจะมีโปรแกรมดวลกับ อาร์เซนอล โดยตรง และหากลิเวอร์พูล สามารถคว้า 3 คะแนน จากการแข่งขันเกมดังกล่าวได้ พวกเขาก็จะกลับไปอยู่ตำแหน่งบนสูงของตารางคะแนน พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ อีกครั้ง
164 total views, 1 views today