
เจาะ 9 ประเด็นก่อนเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้
“ลิเวอร์พูล” เปิดแอนฟิลด์ต้อนรับ “เอฟเวอร์ตัน”
เกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ได้โคจรมาถึงอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่ทั้ง 2 ทีมมีคะแนนห่างกันถึง 47 แต้ม และห่างกันถึง 15 อันดับบนตาราง โดยทีมหนึ่งลงเล่นเพื่อลุ้นแชมป์ ในขณะที่อีกทีมหนึ่งลงเล่นเพื่อหนีการตกชั้น
ในครั้งนี้ “แอนฟิลด์” จะได้เป็นเจ้าภาพ ในเกมที่ทีม “หงส์แดง” จะทำการต้อนรับทีม “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” โดยทั้งสองสโมสรมีจุดเริ่มต้นร่วมกัน และอยู่คู่หน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษมาอย่างยาวนาน
ไม่ว่าผลการแข่งขันของ “แมนฯ ซิตี้” ในคืนก่อนหน้าจะเป็นเช่นไร ทีมของ “เจอร์เก้น คล็อปป์” คงไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น นอกจากเก็บ 3 คะแนนให้ได้ ส่วนคู่แข่งร่วมเมืองของพวกเขาก็คงต้องทำทุกวิถีทางในการหนีการตกชั้นเช่นเดียวกัน
เป้าหมายของ “ลิเวอร์พูล” นั้นชัดเจน-3 คะแนนเต็ม…พร้อมกับสภาพร่างกายที่ไม่บอบช้ำจนเกินไปหลังจาก 90 นาที
และต่อไปนี้คือ 9 ประเด็นน่ารู้ก่อนเกม
1. ฤดูกาลอันน่าหดหู่ (blue) ของทีมสีน้ำเงิน
เป็นฤดูกาลที่ไม่น่าจดจำอย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับ “เอฟเวอร์ตัน” เนื่องจากพวกเขาเหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ ทั้งในและนอกสนาม โดยขณะนี้พวกเขารั้งอันดับ 17 ของตาราง
ด้วย 29 คะแนนในมือ พวกเขานำหน้า “เบิร์นลี่ย์” ในโซนตกชั้นเพียงแต้มเดียว โดยแข่งน้อยกว่า 1 นัด แต่ 4 จาก 7 เกมที่เหลือของพวกเขา จะต้องพบกับทีมในอันดับ 9 ขึ้นไปของตาราง
ปัจจุบัน “แฟรงค์ แลมพาร์ด” เป็นผู้จัดการทีมคนที่ 3 ที่มานั่งเก้าอี้ร้อนให้กับทีม “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” ในฤดูกาลนี้ ต่อจาก “ราฟาเอล เบนิเตซ” และ “ดันแคน เฟอร์กูสัน”
ซึ่งสถานการณ์ของทีมยังไม่มีอะไรดีขึ้น
2. คาดการณ์ 11 ตัวจริง “เอฟเวอร์ตัน”
“ดอมินิก แคลเวิร์ต-ลูอิน” จะไม่ได้เดินทางในทริปสั้นๆ ข้ามสแตนลี่ย์พาร์คมากับทีม ด้วยอาการบาดเจ็บ โดย “ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค” และ “อังเดร โกเมซ” ก็จะนั่งข้างสนามร่วมกับ “ทอม เดวิ่ส์” และ “แอนดรอส ทาวน์เซนด์”
เป็นไปได้ว่า “แลมพาร์ด” อาจจะยังคง 11 ตัวจริงจากเกมที่เสมอ “เลสเตอร์” 1-1 เมื่อวันพุธ โดย “ซาโลมอน รอนดอน” อาจกลับมาลงสนามได้ และ “อับดูลาย ดูกูเร่” ก็อาจถูกเสริมเข้าไปในแดนกลางด้วยเช่นกัน
คาดการณ์ 11 ตัวจริง “เอฟเวอร์ตัน” : พิคฟอร์ด-โคลแมน, มีน่า, ก็อดเฟรย์, ไมโคเลนโก้-ดูกูเร่, อัลลัน, อิโวบี- กอร์ดอน, ริชาร์ลิซอน, เกรย์
3. โฉมหน้าของเกมอาจเปลี่ยนไป
ด้วยการที่ “ลิเวอร์พูล” ต่อสู้เพื่อตำแหน่งแชมป์ และ “เอฟเวอร์ตัน” ต่อสู้เพื่อหนีห่างจากก้นตารางให้มากที่สุด โฉมหน้าของเกมในวันอาทิตย์อาจจะมีความหมายต่างออกไปเป็นอย่างมาก
อย่างแรก “แมนฯ ซิตี้” จะพบกับ “วัตฟอร์ด” ในวันเสาร์ โดยหลังจากนั้น “ลิเวอร์พูล” จะรู้ภารกิจก่อนเกมว่าพวกเขาจะต้องพยายามแซงหน้าทีมของ “เป๊บ กวาร์ดิโอล่า” หรืออาจจะทำได้เพียงหายใจรดต้นคอที่ 1 แต้มอีกครั้ง
โดยทีม “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” อาจอยู่ในตำแหน่งตกชั้นก่อนดาร์บี้แมทช์ที่ “แอนฟิลด์” จะเริ่มขึ้น หาก “เบิร์นลี่ย์” ไม่แพ้ “วูล์ฟแฮมป์ตัน” โดย “เดอะคลาเรตส์” เก็บได้ถึง 4 คะแนนใน 2 เกมก่อนหน้านี้
4. “ฟีร์มีโน่” จะกลับมาเล่นได้หรือไม่?
“คล็อปป์” จะมีขุมกำลังเช่นเดียวกับในเกมที่พบ “แมนฯ ยูไนเต็ด” เมื่อกลางสัปดาห์ และอาจจะมี “โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่” เพิ่มเข้ามาด้วย
นักเตะบราซิเลียนรายนี้ขาดหายไปในวันอังคาร เนื่องจากอาการเจ็บที่เท้า และเขากลับมาซ้อมได้ในวันศุกร์ ซึ่งสโมสรจะมีการประเมินอีกครั้งว่าเขาจะสามารถลงเล่นในสุดสัปดาห์นี้ได้หรือไม่
หากไม่เป็นเช่นนั้น คาดว่าเขาคงใช้เวลาอีกไม่กี่วันในการกลับมาฟิตอีกครั้ง
นอกจากกรณีของ “ฟีร์มีโน่” แล้ว ยังไม่มีรายงานการบาดเจ็บอื่นใด นั่นคือสิ่งที่เราอยากได้ยิน
5. คาดการณ์ 11 ตัวจริง “ลิเวอร์พูล”
ด้วยตัวเลือกอย่างเหลือเฟือ “คล็อปป์” มีการตัดสินใจที่ต้องทำ และนั่นน่าจะขึ้นอยู่กับ “บียาร์เรอัล” ผู้มาเยือนแอนฟิลด์หลังจากเกมดาร์บี้เพียง 3 วันด้วยเช่นกัน
“ลิเวอร์พูล” จะลงเล่นในเกมนี้หลังจากได้พักเบรกเกือบ 5 วัน ซึ่งนับว่าเป็นช่วงพักที่ยาวที่สุด ก่อนที่จะลงเล่นโดยเฉลี่ยทุก 3.1 วันจนกระทั่งจบฤดูกาล
“อิบราฮิมา โคนาเต้” น่าจะได้สลับกันลงเล่นกับ “โจเอล มาติป” ในขณะที่ “คอสตาส ซิมิคาส” จะได้แทนที่ในตำแหน่งของ “แอนดี้ โรเบิร์ตสัน” และ “ติอาโก้” อาจจะถูกเก็บไว้บนม้านั่งสำรองจนกว่าจะถึงช่วงท้ายเกม
คาดการณ์ 11 ตัวจริง “ลิเวอร์พูล” : อลิสซอน-อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โคนาเต้, ฟานไดจ์ค, ซิมิคาส-ฟาบินโญ่, เฮนเดอร์สัน, เกอิต้า-ซาล่าห์, มาเน่, โชต้า
6. อีกสถิติที่อาจถูกทำลาย
จนถึงขณะนี้ มันเป็นฤดูกาลอันน่าจดจำอย่างยิ่งของ “ลิเวอร์พูล” โดยพวกเขาทำไปแล้ว 131 ประตูรวมทุกรายการ
มันเป็นสถิติที่มีเพียง 2 ฤดูกาลก่อนหน้าในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ดีกว่า ซึ่งในฤดูกาล 1985/86 มีการยิงประตูรวม 138 ลูกในการลงเล่น 63 เกม
ด้วยอย่างน้อย 9 เกมที่เหลือ (หวังว่าจะเป็น 10) ในฤดูกาลนี้ สถิติดังกล่าวน่าจะถูกทำลายลง และเป้าหมายน่าจะขยับเข้ามาใกล้ขึ้นไปอีก หลังจากชนะในเกมสุดสัปดาห์นี้
7. เล่นให้อยู่ในเกมเท่านั้น
ในการแถลงข่าวก่อนการแข่งขัน “คล็อปป์” พูดถึงความรักที่เขามีต่อฟุตบอลที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยพละกำลัง ตราบใดที่การเล่นยังอยู่ในกติกา
“ลิเวอร์พูล” ได้รับบทเรียนจากฤดูกาลก่อน โดยทุกอย่างเริ่มจากเกมที่ “กูดิสันพาร์ค” และจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
8. คุณรู้หรือไม่?
“ดิโอโก้ โชต้า” ยิงให้ “ลิเวอร์พูล” ใน 28 เกมที่แตกต่างกัน โดยทำได้ทั้งหมด 34 ประตู นับตั้งแต่ย้ายมาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ ทุกครั้งที่เขายิงได้ “ลิเวอร์พูล” ไม่เคยแพ้ให้ใครเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยประตูของ “โชต้า” ทำให้ทีมชนะ 23 เกม และเสมอ 5 เกม
เป็นสถิติที่ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ? คำถามก็คือ เขาจะมีชื่อเป็นผู้ทำประตูให้ “ลิเวอร์พูล” ได้หรือไม่ในวันอาทิตย์นี้
9. คิวของ “แอ็ตต์เวลล์” อีกครั้ง
“สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์” จะทำหน้าที่เป่านกหวีดในเกมนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 5 ที่เขาทำหน้าที่ในเกมที่ “ลิเวอร์พูล” ลงเล่นในฤดูกาลนี้
โดย 4 ครั้งก่อนหน้านี้จบลงด้วยผลเสมอ 2 นัด และชัยชนะอีก 2 เกม โดยผลเสมอ 1 ในนั้นกลายเป็นการคว้าแชมป์ลีกคัพในท้ายที่สุด ซึ่ง “คล็อปป์” ไม่ชื่นชอบการตัดสินของเขาเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งในส่วนของ VAR จะมี “ดาร์เรน อิงแลนด์” ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล
คุณอาจสนใจ :
ตำนานสนามแอนฟิลด์
ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล
ทำเนียบแชมป์
ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล
a
Our References :
a
557 total views, 1 views today