
เจาะ 9 ประเด็นก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศ “เอฟเอคัพ” ลิเวอร์พูล – เชลซี
1. “เชลซี” ผลงานลุ่มๆ ดอนๆ
ทีมของ “โธมัส ทูเคิล” มีผลงานที่ไม่สม่ำเสมอนัก ตั้งแต่เข้าสู่เดือนเมษายน โดยพวกเขาชนะ 5 เกม และแพ้ 4 เกม จากทั้งหมด 11 เกม รวมทุกรายการ
แต่หลังจากที่ “ท็อดด์ โบห์ลี” ได้รับการยืนยันในฐานะเจ้าของสโมสรคนใหม่ พวกเขาดูเหมือนจะสามารถดึงโมเมนตั้มกลับมาได้ทันเวลา ก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งล่าสุดทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” บุกไปถล่มทีมหนีตกชั้นอย่าง “ลีดส์” ถึงเอลแลนด์โร้ด 3-0
“เชลซี” สร้างความเชื่อมั่นได้ไม่น้อยจากเกมดังกล่าว โดยที่ “โรเมลู ลูกากู” สามารถทำได้ 3 ประตู จาก 2 เกมล่าสุด
ด้วยการจบท็อปโฟร์ที่ค่อนข้างจะปลอดภัยแน่นอนแล้ว ต้องนับว่า นี่คือการศึกที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาในฤดูกาลนี้
2. “โควาซิช” อาจเสี่ยงลงเล่น
“มัตเตโอ โควาซิช” สร้างความหวาดผวาให้กับ “โธมัส ทูเคิล” ที่ “เอลแลนด์โร้ด” หลังจากถูกสกัดอย่างหนักจนข้อเท้าบวม โดย “แดน เจมส์” ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ความพร้อมใช้งานของเขาสำหรับนัดชิงชนะเลิศคงต้องใช้คำว่า “ปาฏิหาริย์” แต่นายใหญ่ของ “เชลซี” ยืนยันว่า นักเตะโครเอเชียรายนี้อาจจะฝืนลงเล่นทั้งๆ ที่ยังมีอาการบาดเจ็บ
ส่วน “เอ็นโกโล่ ก็องเต้” ที่พลาดใน 3 เกมล่าสุด กลับมาร่วมฝึกซ้อมได้แล้ว และคาดว่าจะลงสนามในเกมกับ “ลิเวอร์พูล”
นั่นคือการเดิมพันอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดูเหมือน “ทูเคิล” จะยอมรับความเสี่ยงใดๆ ที่อาจช่วยคว้าถ้วยรางวัลใบนี้มาครองได้
คาดการณ์ 11 ตัวจริง “เชลซี” : เมนดี้ – อัซปิลิเกวต้า, ซิลวา, รูดิเกอร์ – เจมส์, จอร์จินโญ่, โควาซิช, อลองโซ่ – เมาท์, ฮาแวร์ต, ลูกากู
3. กินกันไม่ลง
นี่เป็นครั้งที่ 4 ที่ทั้งสองทีมจะได้พบกับในฤดูกาลนี้
ซึ่งผลงานของพวกเขานับว่าสูสีกันเป็นอย่างมาก โดย 2 เกมในลีกจบลงด้วยผลเสมอ และเกม “ลีกคัพ” นัดชิงชนะเลิศผ่านไป 120 นาที โดยไม่มีประตูเกิดขึ้น
ต้องขอบคุณความเฉียบคมกว่าในการดวลลูกจุดโทษ ที่ทำให้ “ลิเวอร์พูล” เป็นฝ่ายชูถ้วยได้ก่อนในเดือนกุมภาพันธ์
4. “ฟาบินโญ่” คนเดียวที่ไม่พร้อมลงเล่น
เป็นภาพที่น่ากังวลอย่างไม่ต้องสงสัยที่เห็น “ฟาบินโญ่” กุมที่เอ็นร้อยหวายที่ “วิลล่าพาร์ค” และในขณะที่เวลายังคงเดินต่อไปอย่างไม่หยุด สิ่งที่ทุกคนเป็นกังวลก็คือ เขาจะกลับมาทันลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ “แชมเปี้ยนส์ลีก” ในวันที่ 28 พฤษภาคม หรือไม่
ซึ่งล่าสุดผู้จัดการทีมบอกว่า เขาจะเดินทางไปปารีสกับ “ลิเวอร์พูล” อย่างแน่นอน
นักเตะบราซิเลียนรายนี้เป็นเพียงคนเดียวที่มีปัญหาการบาดเจ็บ ในขณะที่ “นาบี เกอิต้า” ได้ทำลายความกังวลของแฟนบอลเป็นที่เรียบร้อย โดยเขากลับมาร่วมฝึกซ้อมได้อย่างปกติในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
5. คาดการณ์ 11 ตัวจริง “ลิเวอร์พูล”
“เจอร์เก้น คล็อปป์” มีงานไม่น้อยในการเลือกตัวผู้เล่นที่จะลงสนามในเกมสุดสัปดาห์นี้
ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ จะเป็น “อิบราฮิมา โคนาเต้” หรือ “โจเอล มาติป” ในตำแหน่งมิดฟิลด์ คำถามก็คือใครจะยืนร่วมกับ “เฮนเดอร์สัน” และ “ติอาโก้” ส่วนในแนวรุกจะเป็น “ดิโอโก้ โชต้า” หรือ “หลุยส์ ดิอ๊าซ” ที่ได้รับเลือก?
ไม่ว่าผู้จัดการทีมจะตัดสินใจเช่นไร นั่นนับเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับแฟนๆ ที่ได้รู้ว่า “ลิเวอร์พูล” จะมีตัวสำรองอันแข็งแกร่งเคียงคู่กับ 11 ตัวจริงที่ “เวมบลีย์” อย่างแน่นอน
และไม่น่าแปลกใจหากจะได้เห็น “โคนาเต้, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้ และซาล่าห์” กลับคืนสู่รายชื่อตัวจริง หลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นเมื่อกลางสัปดาห์
คาดการณ์ 11 ตัวจริง “ลิเวอร์พูล” : อลิสซอน – อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โคนาเต้, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน – เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้, เกอิต้า – ซาล่าห์, ดิอ๊าซ, มาเน่
6. ผู้เล่นคนเดียวจากเมื่อ 10 ปีก่อน
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ทั้งสองทีมโคจรมาพบกันใน “เอฟเอคัพ” นัดชิงชนะเลิศ โดยเมื่อ 10 ที่แล้ว “เคนนี่ ดัลกลิช” เป็นผู้จัดการทีมของ “ลิเวอร์พูล” ในขณะที่ “โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ” เป็นผู้กุมบังเหียน “เชลซี”
“แอนดี้ แคร์โรลล์” เป็นผู้จุดประกายความหวังให้กับทีม “หงส์แดง” ในวันนั้น แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะทำให้แฟนๆ เดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข ซึ่ง “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” จะไม่มีวันลืม ในฐานะสมาชิกคนเดียวในทีมที่ยังคงเหลืออยู่จนถึงวันนี้
“เฮนเดอร์สัน” หวังว่าผลการแข่งขันจะจบลงต่างไปจากในปี 2012 และด้วยทีมที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าในตอนนั้นเป็นอย่างมาก แน่นอนว่ามันมีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน
7. ต้องคว้าแชมป์ให้ได้
ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อก่อนนัดชิงชนะเลิศในวันเสาร์นี้ “คล็อปป์” พูดถึงความจริงที่ว่า ความปรารถนาในการทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ “เอฟเอคัพ” มีมานานแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของทีมในเชิงลึก ไม่เพียงพอที่จะทำให้มันเป็นไปได้ในอดีต
“ไม่เคยเลย ที่เราจะไม่อยากเข้าชิงชนะเลิศ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย เราแค่ไม่มีกำลังคนเพียงพอ”
“และผมไม่คิดว่าเราโชคดีเป็นพิเศษในการจับฉลากประกบคู่นะ พูดตามตรง เราเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นกัน แต่นั่นเป็นเรื่องปกติ”
“ตอนนี้ใครจะสนว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา นี่เป็น “เอฟเอคัพ” นัดชิงฯ ครั้งแรกของเรา และเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะคว้าแชมป์ให้ได้”
8. คุณรู้หรือไม่?
“จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” อาจเป็นกัปตันทีม “ลิเวอร์พูล” คนแรกที่ชูถ้วยรางวัลที่แตกต่างกันถึง 6 รายการ โดยอีก 5 รายการ ได้แก่ “แชมเปี้ยนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก, ซูเปอร์คัพ, คลับเวิลด์คัพ และลีกคัพ”
“เอฟเอคัพ” เป็นถ้วยรายการใหญ่ที่เขายังไม่เคยได้สัมผัส และหวังว่ามันจะเกิดขึ้นในวันเสาร์นี้
และนั่นจะถูกจารึกบนหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรอย่างแน่นอน
9. “พาวสัน” จะเป็นผู้เป่านกหวีด
“เคร็ก พาวสัน” จะทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในเกมนี้ โดยมี “เดวิด คูต” เป็นผู้ตัดสินที่ 4 ส่วน “พอล เทียร์นีย์” จะเป็นผู้ดูแล VAR
มันราวกับว่า พวกเขาดึงบรรดาผู้ตัดสินทั้งหมดที่ “ลิเวอร์พูล” และ “คล็อปป์” เคยมีปัญหาในฤดูกาลมาอยู่รวมกัน
หากคุณสงสัยว่าเหตุใด “ไมเคิล โอลิเวอร์” จึงไม่ถูกส่งมาตัดสินในเกมนี้ นั่นเป็นเพราะตามธรรมเนียมใหม่แล้ว ไม่มีผู้ตัดสินคนใดที่จะทำหน้าที่ใน “เอฟเอคัพ” นัดชิงชนะเลิศได้มากกว่า 1 ครั้ง นั่นเอง
คุณอาจสนใจ :
ตำนานสนามแอนฟิลด์
ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล
ทำเนียบแชมป์
ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล
a
Our References :
a
783 total views, 5 views today