เจาะ 5 ประเด็น เกม “ลิเวอร์พูล” บุกเชือด “เบิร์นลี่ย์”

“ลิเวอร์พูล” บุกไปเยือน “เบิร์นลี่ย์ ” เพื่อลงเล่น “รอบรองชนะเลิศ” ของพวกเขา และสามารถกลับขึ้นมาสู่ท็อปโฟร์ได้อีกครั้ง หลังจากชัยชนะ 4 นัดรวด
เบิร์นลี่ย์ 0
ลิเวอร์พูล 3
พรีเมียร์ลีก, สนามเทิร์ฟมัวร์
วันที่ 20 พฤษภาคม 2021 เวลา 02:15
ประตู : ฟีร์มีโน่ (43′), ฟิลลิปส์ (52′), อ็อกซเลด-แชมเบอร์เลน (88′)
a
แฟนบอลกลับคืนสู่สนาม

อย่างที่ทราบกันดี แฟนบอลได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมชมเกมในสนามได้ ในสองเกมสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก
แม้ในเกมนี้ แฟนบอลทุกคนจะเป็นของเจ้าบ้าน “เบิร์นลี่ย์ ” แต่การมีพวกเขา 2,500 คนอยู่ที่นั่น นับเป็นภาพที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาส่งเสียงดังมากแค่ไหน? ก็ไม่มากนัก ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เนื่องจากพวกเขามีจำนวนค่อนข้างน้อย แต่พวกเขาก็แสดงตัวตนอย่างเต็มที่ โดยการโห่ทุกครั้งที่นักเตะ “ลิเวอร์พูล” ได้บอล และด่าผู้ตัดสินทุกครั้งที่มีโอกาส
นั่นช่วยยกระดับผู้เล่นเจ้าบ้าน ในแง่บรรยากาศ และความกระตือรือร้นในเกม แม้ว่าผลการแข่งขันจะไม่มีผลใดๆ กับพวกเขาแล้วก็ตาม
ทำให้รู้สึกรอไม่ไหวที่จะได้เห็นแฟนบอล “ลิเวอร์พูล” 10,000 คน ในสนามแอนฟิลด์ วันอาทิตย์นี้ คงจะเป็นวันที่ยอดเยี่ยมมากๆ เลยทีเดียว
a
เวลาของฟีร์มีโน่

ในความเป็นจริง “ลิเวอร์พูล” ควรจะฉลองการทำประตูอย่างน้อย 3 ครั้ง ในครึ่งเวลาแรก แทนที่จะทำได้เพียง 1 ประตูก่อนพักครึ่ง
ลูกของ “โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ” ที่หลุดเข้าไปดวลตัวต่อตัว ลูกของ “ธิอาโก้” ที่ส่องไกลหลังการต่อบอลขึ้นไปกันอย่างสวยงาม และที่น่าเสียดายที่สุด คือลูกของ “ซาดิโอ มาเน่” ที่ตามเข้าไปซ้ำลูกยิงของ “เทรนท์ ” หน้าปากประตู ผลก็คือ
ข้ามคาน เฉี่ยวเสา เฉียวเสา
“วิล นอร์ริส” ผู้รักษาประตูหน้าใหม่ของ “เบิร์นลี่ย์ ” ไม่ได้รับการทดสอบสักครั้งเดียว จนกระทั่งลูกยิงเข้ากรอบครั้งแรกของ “โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่” สองนาทีก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นลูกที่ตรงตัวผู้รักษาประตู เพียงแต่เขาขยับเท้าไม่เร็วพอ และนั่นเป็นประตูสำหรับ “ลิเวอร์พูล”
เมื่อรวมกับสองประตูที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด และความทุ่มเทอย่างไม่ลดละของเขาที่ “เวสต์บรอม” นี่อาจจะเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ของ “ฟีร์มีโน่” เลยก็ว่าได้
สถิติหลังเกมของ “ลิเวอร์พูล” ก็คือ ยิงเข้ากรอบ 3 ลูก และเป็น 3 ประตู หากไม่ต้องสนใจตัวผู้รักษาประตูแล้วล่ะก็ นั่นคือสิ่งที่ควรจะโฟกัสในเกมที่พบกับ “คริสตัล พาเลซ” ก็คือ ยิงให้ตรงกรอบ!!!
a
คลาสที่แท้จริงของ “ธิอาโก้”

หลายเกมติดต่อกันแล้วที่ “ธิอาโก้ อัลคันทารา” กลายเป็นผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งของ “ลิเวอร์พูล”
เช่นเคย เขาเป็นผู้ควบคุมเกมตลอด 90 นาทีเต็ม สามารถผ่านบอลเจาะแผงมิดฟิลด์ของ “เบิร์นลี่ย์ ” ไม่ว่าช่องว่างจะแคบเพียงใดก็ตาม เขาสามารถเก็บบอลแม้กระทั่งในแดนของคู่แข่ง และสามารถทำทางสวยๆ ให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ตลอดเวลา
สังเกตได้ว่า “ธิอาโก้” เล่นบอลได้ลุ่มลึกกว่า “ฟาบินโญ่” ในหลายๆ ครั้ง เช่นการลงไปต่อบอลระหว่างคู่เซ็นเตอร์แบ็ค ก่อนที่จะวิ่งผ่าน “ฟาบินโญ่” ขึ้นไปข้างบน เพื่อประเมินสถานการณ์ในจังหวะต่อไป
เขาต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะมาถึงจุดนี้ แต่น่าจะไม่ใช่ความผิดของเขา เนื่องจากเขาต้องปรับตัวให้เข้ากับลีกใหม่ ทีมใหม่ การฝึกซ้อมในช่วงโควิด การไม่มีช่วงปรีซีซั่น ปัญหาการบาดเจ็บของทีม และการหายไปถึง 3 เดือนของตัวเขาเอง
ในตอนนี้ เขาค้นพบที่ของเขาแล้ว ด้วยความคงเส้นคงวา ด้วยคุณภาพการเล่น และนี่คือ “ธิอาโก้”
a
ค่ำคืนของ “แน็ท”

ความมั่นใจนั้นมีผลอย่างน่าทึ่งกับผู้เล่น และถ้ามีรางวัลสำหรับบุคลิกภาพที่ก้าวกระโดด และการยืนหยัดอย่างยาวนานตลอดฤดูกาล “แน็ท ฟิลลิปส์ ” น่าจะเป็นผู้คว้ารางวัลนี้ไปครอง
เกมนี้เป็นของเขา เป็นค่ำคืนที่น่าจดจำของเขายิ่งกว่านักเตะคนอื่นใด
เขาเกือบทำประตูได้หนึ่งหรือสองครั้งในเกมก่อนหน้า และในที่สุดเขาก็ทำได้
ลูกโหม่งที่แรงเกินกว่า “นอร์ริส” ผู้รักษาประตูของ “เบิร์นลี่ย์ ” จะคว้าไว้ได้ กลายเป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีก และสำหรับสโมสร “ลิเวอร์พูล” ของ “แน็ท ฟิลลิปส์ “
อย่างอื่นล่ะ? การเคลียร์บอลจากเส้นประตู นั่นเป็นการยืนตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม รวมถึงการช่วยสกัดบอลนับครั้งไม่ถ้วน ถึงขนาดเซ็นเตอร์แบ็คของ “เบิร์นลี่ย์ ” ยังเอ่ยปากชื่นชม
“แน็ท ฟิลลิปส์ ” มีปัญหาในการยืนตำแหน่ง 1 หรือ 2 ครั้ง ในครึ่งเวลาแรก จากนั้นเขาก็เล่นดีขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด เขาก็เล่นได้อย่างเด็ดขาด ในกรอบเขตโทษทั้งสองฝั่ง และมีส่วนสำคัญอย่างมากในการเก็บสามแต้มสุดสำคัญของ “ลิเวอร์พูล” ในเกมนี้
a
นัดสุดท้ายก็มาถึง…

“เจอร์เก้น คล็อปป์” กล่าวว่า นี่เป็นรอบรองชนะเลิศ ดังนั้นเท่ากับว่า “เบิร์นลี่ย์ ” เป็นทีมที่ตกรอบ
ในที่สุดนัดสุดท้ายของฤดูกาลก็มาถึง และ “ลิเวอร์พูล” ต้องการชัยชนะอีก 1 นัด ที่สนามแอนฟิลด์
คราวนี้คู่แข่งเป็น “คริสตัล พาเลซ” ไม่ใช่ “มิดเดิลสโบรช์ ” เราจะส่ง “จินี่ ไวจ์นัลดุม” ลงไปทำประตูส่งท้ายก่อนอำลา และจะทำให้งานอำลาของ “รอย ฮ็อดจ์สัน” กร่อย แทนที่จะมีความสุข
“ลิเวอร์พูล” อยู่ในอันดับ 4 ในเวลานี้ พวกเขาต้องผลการแข่งขันเท่ากับหรือดีกว่า “เลสเตอร์ ” พวกเขาอาจจะแม้กระทั่งจบเป็นอันดับ 3 หากมีผลการแข่งขันที่ดีกว่าของ “เชลซี”
หลังจากปัญหาการบาดเจ็บ ฟอร์มการเล่นอันย่ำแย่ การพ่ายแพ้ติดต่อกันในบ้าน การหายไปของแฟนบอล ฯลฯ บัดนี้เรากลับมาอยู่ที่ 4 แชมเปี้ยนส์อยู่ในมือของเราเองแล้ว
นัดนี้ มันคือสนามแอนฟิลด์ และเดอะค็อป 10,000 ชีวิต แค่ลงไปคว้าสามแต้มให้ได้ ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล…
a
คุณอาจสนใจ :
ข้อมูลนักเตะลิเวอร์พูล
ตำนานสนามแอนฟิลด์
ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล
ทำเนียบแชมป์
ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล
a
Our References :
a
2,120 total views, 1 views today
ติอาโก้ของจริงครับ