ลิเวอร์พูล สามารถผ่านเข้ารอบ 4 ของการแข่งขันฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ด้วยการบุกไปคว้าชัยชนะถึงถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม รังเหย้าของทัพปืนใหญ่ อาร์เซนอล ทีมดังจากกรุงลอนดอน
โดยการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดียม เมื่อวันที่ 7 มกราคม ซึ่งเป็นแมตช์สุดท้ายประจำวันนี้ เกมบิ๊กแมตช์ ทีม “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เปิดรังเหย้ารับการมาเยือนของทีมร่วมพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ อย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
สำหรับเรื่องขุมกำลังนักเตะในนักนี้ ลิเวอร์พูล ซึ่งกำลังทำผลงานได้อย่างร้อนแรงและยึดตำแหน่งจ่าฝูงของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ อยู่ในขณะนี้ ต้องมีการปรับทัพค่อนข้างมากในแมตช์นี้ เพราะมีนักเตะหลักที่บาดเจ็บทั้ง โดมินิก โซโบสไล กองกลางดีกรีทีมชาติฮังการี รวมไปถึง เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ปราการหลังกัปตันทีม ที่มีอาการป่วยก่อนแมตช์นี้ ทำให้พลาดลงสนาม
นอกจากนี้ทางฝั่งของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ติดภารกิจรับใช้ทีมชาติอียิปต์ ในการแข่งขันฟุตบอลแอฟริกัน เนชันส์ คัพ ขณะที่ วาตารุ เอนโด กองกลางทีมชาติญี่ปุ่น ก็ต้องไปบินไปช่วยทัพซามูไรบลู ทำศึกเอเชียน คัพ ที่ประเทศกาตาร์
ทำให้แมตช์นี้หงส์แดงต้องส่ง เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียต สองกองกลางดาวรุ่งออกสตาร์ตเป็นตัวจริง ในแดนกลาง โดยเล่นร่วมกับ อเล็กซิส แม็ก อัลลิสเตอร์ กองกลางทีมชาติอาร์เจนตินา ที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บมาพอดี
ขณะที่ฝั่งอาร์เซนอลนั้นไม่มีชื่อของกองหน้าตัวเก่งอย่าง กาเบรียล เชซุส หัวหอกชาวบราซิล ทำให้พวกเขาต้องใช้งาน ไค ฮาแวร์ตซ์ แข้งเยอรมันลงค้ำในแดนหน้าแทน
สำหรับรูปเกมในครึ่งแรกเป็นฝั่งเจ้าบ้านอาร์เซนอล ที่เริ่มต้นได้ดีกว่าและมีโอกาสลุ้นประตูอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถผ่านการป้องกันของ อลิสซอน เบกเกอร์ นายด่านดีกรีทีมชาติบราซิลของลิเวอร์พูลที่ป้องกันไว้ได้หมด
ขณะที่ช่วงท้ายครึ่งแรกเป็นฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่ได้ลุ้นประตูบ้าง จากลูกยิงของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ๊กขวาดีกรีทีมชาติอังกฤษ ที่ซัดเต็มข้อ แต่บอลชนคานออกไปในนาทีที่ 44 ก่อนจะจบการแข่งขันครึ่งแรกด้วยการเสมอกัน 0-0
อย่างไรก็ตามในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล พยายามอย่างหนัก ก่อนจะมาได้ประตูปลดล็อกขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะลูกฟรีคิก ซึ่งเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จอมเตะลูกนิ่งประจำทีม รับหน้าที่เปิดบอลยัดเข้าไปที่เสาแรก และจังหวะสุดท้ายเป็น ยาคุบ คีวิออร์ ปราการหลังของฝั่งเจ้าบ้านอาร์เซนอล ที่ขึ้นโหม่งไม่ดี บอลเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป ในนาทีที่ 80
และหลังจากนั้นทีมดังจากเมอร์ซีไซด์ มาได้ประตูปิดกล่อง ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากจังหวะสวนกลับที่พวกเขาพาบอลขึ้นมา ก่อนที่สุดท้ายบอลจะไปถึง หลุยส์ ดิอาซ แนวรุกชาวโคลัมเบีย ในเขตโทษ และเจ้าตัวรับหน้าที่สังหารเข้าไป ในนาที 90+5 ช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะไปด้วยสกอร์ 2-0 พร้อมกับเป็นการปลดล็อกประตูแรกรวมทุกรายการที่เขายิงได้ในรอบกว่า 13 เกม
จากชัยชนะในแมตช์นี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ ขณะที่อาร์เซนอล ตกรอบทันที
202 total views, 2 views today