
ย้อนอดีตชม “นัดชิงฯ เอฟเอคัพ” 5 ครั้งหลังสุดของ “ลิเวอร์พูล”
สำหรับผู้เล่นหลายคนในทีม “ลิเวอร์พูล” ชุดปัจจุบัน “เอฟเอคัพ” เป็นถ้วยเพียงใบเดียว ที่พวกเขายังไม่เคยคว้ากลับมาสู่ถิ่นแอนฟิลด์ได้สำเร็จ
ลูกทีมของ “เจอร์เก้น คล็อปป์” จะพบกับ “เชลซี” ที่สนาม “เวมบลีย์” ในบ่ายวันเสาร์ โดยอาจจะเป็น 2 ถ้วยแชมป์ในประเทศเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2000/01 และเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของพวกเขา
“ลิเวอร์พูล” คว้าแชมป์ “เอฟเอคัพ” มาแล้ว 7 สมัย แต่ไม่น่าเชื่อว่าความสำเร็จครั้งล่าสุดในรายการนี้ ต้องย้อนกลับไปถึง 16 ปี เลยทีเดียว
โดยในรอบชิงชนะเลิศ 5 ครั้งหลังสุด “ลิเวอร์พูล” ชนะ 3 ครั้ง แพ้ 2 ครั้ง
ในแต่ละครั้ง มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจอะไรบ้าง ย้อนกลับไปดูกันครับ…
1. ปี 2012 ลิเวอร์พูล 1-2 เชลซี
จริงหรือ…ที่เป็นเวลาถึง 10 ปีมาแล้ว ที่ “ลิเวอร์พูล” ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายใน “เอฟเอคัพ” นัดชิงชนะเลิศ???
ทีม “หงส์แดง” พบกับ “เชลซี” ในปี 2012 ซึ่ง “เซอร์ เคนนี ดัลกลิช” ต้องการถ้วยเพิ่มอีกใบ หลังจากคว้าแชมป์ “ลีกคัพ” ได้สำเร็จเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม น่าเศร้าที่เป็นฝ่าย “สิงโตน้ำเงินคราม” ที่เอาชนะไปได้ที่ “เวมบลีย์” โดย “รามิเรส” ยิงขึ้นนำไปก่อน 1-0 ตั้งแต่ต้นครึ่งเวลาแรก และ “ดร็อกบา” มายิงเพิ่มอีกหนึ่งลูกในครึ่งหลังกลายเป็น 2-0
ประตูตีไข่แตกของ “แอนดี้ แคร์โรลล์” สร้างความหวังให้กับทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ไม่น้อย นอกจากนั้น “ลิเวอร์พูล” คงจะตีเสมอได้สำเร็จ หาก “ปีเตอร์ เช็ก” ไม่เซฟลูกโหม่งของ “แคร์โรลล์” ไว้ได้
ลูกดังกล่าวข้ามเส้นประตูไปแล้วหรือยัง? นั่นคือสิ่งที่เราไม่มีวันรู้
อย่างไรก็ตาม การลงเล่นนัดชิงชนะเลิศถ้วยแรกของ “ลิเวอร์พูล” ที่ “เวมบลีย์โฉมใหม่” ต้องจบลงอย่างน่าเศร้า
2. ปี 2006 ลิเวอร์พูล 3-3 เวสต์แฮม (ดวลจุดโทษ 3-1)
“คาร์ดิฟฟ์” เป็นสถานที่อันยอดเยี่ยม ในช่วงหลายปีที่ “เวมบลีย์” กำลังมีการสร้างใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ “ลิเวอร์พูล”
ทีม “หงส์แดง” ประสบความสำเร็จอย่างมากในเวลส์ และชัยชนะเหนือ “เวสต์แฮม” ในปี 2006 ยังคงเป็นหนึ่งในรอบชิงชนะเลิศ “เอฟเอคัพ” ที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกด้วย
เกิดอะไรขึ้นกับทีมของ “ราฟา เบนิเตซ” เราไม่มีทางรู้ได้ แต่พวกเขาตามหลัง 2-0 ตั้งแต่ต้นเกม ซึ่งนั่นรวมถึงการทำเข้าประตูตัวเองของ “เจมี คาร์ราเกอร์” อีกด้วย
“ลิเวอร์พูล” ไม่ยอมแพ้และบุกเพื่อเอาประตูคืน จนตามตีเสมอเป็น 2-2 ได้สำเร็จ จากประตูของ “ริเซ่” และ “เจอร์ราร์ด” แต่แล้ว “เวสต์แฮม” กลับมายิงประตูขึ้นนำอีกครั้งหนึ่งจาก “คอนเชสกี้”
แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เป็น “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” ที่ยิงประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดลูกหนึ่งในชีวิตค้าแข้งของเขา ส่งผลให้ทั้งสองทีมต้องเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษ และดวลจุดโทษในท้ายที่สุด
และเป็น “เปเป้ เรน่า” ที่รับบทฮีโร่ โดยเขาเซฟได้ถึง 3 ลูก ช่วยให้ “ลิเวอร์พูล” คว้าแชมป์สมัยที่ 7 ได้สำเร็จ ซึ่งนั่นยังคงเป็นแชมป์ครั้งล่าสุดของพวกเขาจนถึงวันนี้
3. ปี 2001 ลิเวอร์พูล 2-1 อาร์เซน่อล
นั่นเป็นช่วงเวลาที่ “ไมเคิล โอเว่น” ไม่มีใครหยุดเขาได้บนสนามฟุตบอล
ปีปฏิทิน 2001 ซึ่งเขาผงาดคว้า “บัลลงดอร์” ได้สำเร็จ นับเป็นจุดสูงสุดในชีวิตค้าแข้งของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย และบทฮีโร่ในนัดชิงชนะเลิศ “เอฟเอคัพ” ของเขาในเกมกับ “อาร์เซน่อล” ก็จะไม่มีวันถูกลบเลือน
ในเวลานั้น “ลิเวอร์พูล” ถือเป็นทีมรองบ่อนอย่างชัดเจน หากเทียบกับทีม “ปืนใหญ่” อันแข็งแกร่งของ “อาร์แซน เวนเกอร์” ซึ่งครองเกมได้อย่างสมบูรณ์แบบใน “คาร์ดิฟฟ์”
อย่างไรก็ตาม “ลิเวอร์พูล” นับว่ามีโชคอยู่เคียงข้าง เมื่อ “สเตฟาน อองโชซ์” ไม่โดนไล่ออกจากการทำแฮนด์บอลบนเส้นประตู
“เฟดริค ลุงเบิร์ก” ยิงให้ทีม “ปืนใหญ๋” ขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 72 จากนั้น “ไมเคิล โอเว่น” มายิง 2 ประตูรวดในช่วงท้ายเกม ช่วยให้ “ลิเวอร์พูล” พลิกกลับมาชนะ 2-1 ซึ่งประตูชัยของเขา รวมถึงการฉลองหลังจากนั้น ยังคงเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้
4. ปี 1996 ลิเวอร์พูล 0-1 แมนฯ ยูไนเต็ด
“เอฟเอคัพ” รอบชิงชนะเลิศดำเนินไป พร้อมกับเรื่องน่าสลดที่สุดในประวัติศาสตร์ของ “ลิเวอร์พูล”
หลังจากพลาดในการแย่งตำแหน่งแชมป์ “พรีเมียร์ลีก” กับ “แมนฯ ยูไนเต็ด” “สไปซ์ บอยส์” ของ “รอย อีแวนส์” ก็หวังที่จะเอาชนะคู่แข่งของพวกเขาที่ “เวมบลีย์”
นัดชิงชนะเลิศจบลง โดยแทบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่ “เอริค คันโตน่า” จะทำให้เดอะค็อปหัวใจสลาย โดยการทำประตูโทนของเกมในนาทีที่ 85
ทีมในช่วงกลางของยุค 90 เต็มไปด้วยพรสวรรค์ แต่ไม่มีความเด็ดขาด และพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงเส้นชัยได้เลยครั้งแล้วครั้งเล่า
5. ปี 1992 ลิเวอร์พูล 2-0 ซันเดอร์แลนด์
นี่อาจจะเป็นชัยชนะใน “เอฟเอคัพ” ที่หอมหวนน้อยที่สุดของ “ลิเวอร์พูล” ในช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ที่ผ่านพ้นไป
“แกรม ซูเนสส์” คุมทีมในช่วงเวลาอันยากลำบากที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสรเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แต่อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็ไม่พลาดที่จะเอาชนะ “ซันเดอร์แลนด์” ที่ “เวมบลีย์”
“ไมเคิล โธมัส” ยิงประตูขึ้นนำให้กับ “ลิเวอร์พูล” ก่อนที่ “เอียน รัช” จะยิงเพิ่มอีก 1 ประตู ช่วยให้ทีม “หงส์แดง” เอาชนะไปได้ 2-0
นั่นเป็นถ้วยรางวัลเดียวที่ “ลิเวอร์พูล” คว้ามาได้ในช่วงปี 1990 ถึง 1995 และเป็นเวลาอีกถึง 9 ปี ก่อนที่พวกเขาจะได้ลิ้มรสความสำเร็จในรายการนี้อีกครั้ง
คุณอาจสนใจ :
ตำนานสนามแอนฟิลด์
ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล
ทำเนียบแชมป์
ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล
a
Our References :
a
606 total views, 1 views today