ตำนานสนามแอนฟิลด์แห่งสโมสรลิเวอร์พูล – “แอนฟิลด์ ” เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอล “ลิเวอร์พูล” ตั้งแต่ปี 1892 ถึงปัจจุบัน มีความจุทั้งสิ้น 53,394 ที่นั่ง โดยจัดว่าเป็นสนามขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 7 ของประเทศอังกฤษ แรกทีเดียวมันเป็นสนามเหย้าของ “เอฟเวอร์ตัน” ในช่วงปี 1884 ถึง 1891 ก่อนที่พวกเขาจะย้ายไป “กูดิสัน พาร์ค”
“สนามแอนฟิลด์ ” ประกอบด้วยอัฒจรรย์ 4 ด้าน อันได้แก่ “สปิออน ค็อป” “Main Stand” “เซอร์ เคนนี่ เดลกลิช” และ “อัฒจรรย์ฝั่งถนนแอนฟิลด์ ” จำนวนผู้ชมสูงสุดที่สนามแอนฟิลด์เคยรองรับคือ 61,905 คน ซึ่งเกิดขึ้นในเกมที่ “ลิเวอร์พูล” รับการมาเยือนของ “วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส” ในปี 1952 สนามแห่งนี้ถูกปรับให้เป็นแบบที่นั่งทั้งหมดในปี 1994 โดยทำให้มีความจุลดลงมาเล็กน้อย
ซึ่งต่อไปนี้เราจะพาท่านย้อนเวลาไปสัมผัสตำนานสนามฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

a

ภาพถ่ายจากโดรนทางอากาศ แสดงให้เห็นโครงการปรับปรุงสนามแอนฟิลด์มูลค่า 260 ล้านปอนด์ เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
a

a

a

แผนผังของสนามแอนฟิลด์เมื่อเปิดตัวในปี 1884 ซึ่งมันเคยเป็นรังเหย้าของสโมสร “เอฟเวอร์ตัน” มาก่อน
a

อัฒจรรย์หลัก (Main Stand) ของสนามแอนฟิลด์ ซึ่งเคยเป็นบ้านของทีม “เอฟเวอร์ตัน” มาก่อน
a

สนามแอนฟิลด์ในปี 1894-95 แสดงให้เห็นอัฒจรรย์หลัก (Main Stand) แรก และอัฒจรรย์หลังโกล์ทั้งสองฝั่ง จะเห็นว่าบ้านเรือนที่อยู่ด้านหลังยังอยู่เป็นส่วนใหญ่
a

“The Sandon” ซึ่งเป็นเจ้าของโดย “จอห์น โฮลดิ้ง” ถูกเช่าโดยสโมสร “เอฟเวอร์ตัน” ซึ่งต่อมา “ทีมสีน้ำเงิน” แยกตัวออกไป และกลายเป็นการก่อตั้งสโมสรฟุตบอล “ลิเวอร์พูล” ในที่สุด
a

อัฒจรรย์ไม่มีหลังคาหลังประตูฝั่งถนนวอลตัน เบรค ถูกขนานนามว่า “สปิออน ค็อป” หลังสมรภูมิสงครามโบเออร์
a

a

การก่อสร้างหลังคาอัฒจรรย์ “สปิออน ค็อป” ของสนามแอนฟิลด์ ในปี 1928
a

a

ภาพแรกของอัฒจรรย์ “เดอะ ค็อป” หากแฟนบอลมาทางถนนโอ๊คฟิลด์
a

บ่อยครั้งที่ที่จอดรถของ Main Stand ถูกใช้เป็นสนามฝึกซ้อมเมื่อสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ซึ่งในภาพ ตำนานอย่าง “บ๊อบ เพสลี่ย์ ” กำลังกระโดดแย่งโหม่งกับเพื่อนร่วมทีม
a

ไฟสปอตไลท์ถูกติดตั้งในปี 1957 ซึ่งในภาพ “ลิเวอร์พูล” ทดลองลงเตะภายใต้สปอตไลท์ ก่อนรับการมาเยือนของ “เอฟเวอร์ตัน” ในรายการ “ลิเวอร์พูล ซีเนียร์คัพ” ในอีกสัปดาห์ถัดมา
a

เจ้าหน้าที่สนามช่วยกันเคลียร์หิมะออกจากสนาม โดยในภาพ มี Main Stand เก่าเป็นพื้นหลัง
a

อัฒจรรย์ฝั่งถนนเคมลินถูกแทนที่ด้วยหลังคาแบบลาดเอียงอันทันสมัยในปี 1963
a

“บิล แชงคลีย์ ” ถ่ายรูปคู่กับอัฒจรรย์ Main Stand ณ สนามแอนฟิลด์
a

“เอียน เซนต์จอนห์น” ในสนาม
a

อัฒจรรย์ฝั่งถนนเคมลิน กำลังก่อสร้าง
a

คนงานกำลังติดตั้งไฟสปอตไลท์ของอัฒจรรย์ฝั่งถนนเคมลิน
a

อีกครั้งที่ต้องระดมสรรพกำลังเพื่อเตรียมสนามให้พร้อม ในวันแข่งที่หิมะตกอย่างหนัก
a

แฟนบอล “เดอะค็อป” ในยุคทศวรรษที่ 1960
a

“บิล แชงคลีย์ ” เดินสำรวจอัฒจรรย์ยืนเก่าอันโด่งดัง
a

“Main Stand” ได้รับการปรับปรุงอีกครั้ง และเสาของสปอตไลท์ถูกรื้อถอนออกไปในปี 1973
a

ภาพถ่ายภายในห้องรับรองนักเตะ ซึ่งถูกถ่ายในปี 1970
a

ภาพแฟนบอลกำลังออกจากสนามแอนฟิลด์
a

“เดอะค็อป” ในเกมการแข่งขันยูฟ่าคัพรอบชิงชนะเลิศนัดแรกกับ “เอฟซี บรูจส์ ” ที่สนามแอนฟิลด์ ในปี 1976
a

อัฒจรรย์ “Main Stand” ของสนามแอนฟิลด์ ถ่ายเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 1977
a

มุมมองจากธงเตะมุมของอัฒจรรย์ฝั่งเดอะค็อป
a

ที่จำหน่ายตั๋วแห่งเก่า ใกล้กับที่จอดรถฝั่งอัฒจรรย์ Main Stand
a

ประตูรั้วฝั่งถนนแอนฟิลด์ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ “บิล แชงคลีย์ ” ในปี 1982 ซึ่งเป็นปีหลังการจากไปของตำนานผู้จัดการทีมของ “ลิเวอร์พูล”
a

สนามแอนฟิลด์ในเกมยูโรเปี้ยนคัพที่ “ลิเวอร์พูล” พบกับ “เบนฟิก้า” ในปี 1984
a

หลังจากโศกนาฏกรรมที่ฮิลส์โบโร่ในเดือนเมษายน 1989 สนามแอนฟิลด์เปิดให้สาธารณชนเข้าแสดงความอาลัยต่อแฟนบอลผู้เสียชีวิต 96 ราย ของลิเวอร์พูล
a

ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน สนามก็ถูกปกคลุมไปด้วยดอกไม้ ผ้าพันคอ และของแสดงความอาลัย
a

เจ้าหน้าที่สนามทำงานอย่างหนักเพื่อคืนสนามแอนฟิลด์ให้กลับสู่สภาพเดิม หลังจากดอกไม้ ผ้าพันคอ และของแสดงความอาลัยจำนวนมหาศาลถูกนำมาวางเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตที่สนามฮิลส์โบโร่
a

ก่อนวันครบรอบครั้งแรก มีการเปิดตัวอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต เคียงข้างประตู “บิล แชงคลีย์ ” ฝั่งถนนแอนฟิลด์
a

เริ่มการต่อเติมเพื่อเพิ่มชั้นที่ 2 ให้กับอัฒจรรย์ฝั่งถนนเคมลิน ในช่วงฤดูกาล 1991-92
a

คนงานผู้แปลงโฉมอัฒจรรย์ฝั่งถนนเคมลินให้เป็นอัฒจรรย์ชื่อใหม่ “เซนทินารี่”
a

มุมมองจากบนอัฒจรรย์ฝั่งถนนเคมลินชั้นที่ 2 ที่กำลังต่อเติมใกล้จะแล้วเสร็จ ซึ่งอัฒจรรย์ได้ถูกเปลี่ยนชื่อไปเป็น “เซนทินารี่” ในปี 1992
a

สายรุ้งเหนือสนามแอนฟิลด์
a

จากโศกนาฏกรรมที่ฮิลส์โบโร่ ได้มีข้อเรียกร้องให้ทุกทีมปรับปรุงอัฒจรรย์ให้เป็นแบบที่นั่งทั้งหมด โดยเกมเสมอ 3-3 กับ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” (จากตามหลังอยู่ 0-3) เป็นไฮไลท์ส่งท้ายฤดูกาล 1993-94 ก่อนที่อัฒจรรย์ “เดอะ ค็อป” จะถูกติดตั้งที่นั่งทั้งหมด
a

เกมเหย้านัดสุดท้ายต่อหน้าอัฒจรรย์ “เดอะ ค็อป” กับ “นอริช ซิตี้” ในวันที่ 30 เมษายน 1994 เป็นเกมที่ตั๋ว “สีส้ม” กลายเป็นตั๋วที่ล้ำค่าที่สุดนัดหนึ่ง
a

แม้ว่า “ลิเวอร์พูล” จะแพ้ในเกมดังกล่าว แต่บรรดาแฟนบอล “เดอะค็อป” ก็สร้างบรรยากาศในวาระนี้ด้วยสีประจำทีม เสียงอึกทึก และอารมณ์ขัน อันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา
a

อัฒจรรย์ “เดอะค็อป” โฉมใหม่พร้อมสำหรับรองรับแฟนบอล 4,000 คน ในเกมเหย้านัดแรกของฤดูกาลถัดมา โดยจะรับการมาเยือนของ “อาร์เซน่อล” ซึ่งอัฒจรรย์มีการปรับปรุงแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเดือนมกราคมต่อมา
a

ประตูรั้วอันเป็นเกียรติแก่ “บ็อบ เพสลี่ย์ ” ถูกเพิ่มไปที่ฝั่งเดอะค็อป หลังการจากไปของเขาในปี 1996
a

สนามแอนฟิลด์ยังเป็นเจ้าภาพจัดคอนเสิร์ตต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในภาพเป็นคอนเสิร์ต “Hillsborough Justice Campaign” ในปี 1997
a

อัฒจรรย์ฝั่งถนนแอนฟิลด์ได้รับการต่อเติมชั้นที่ 2 ในปี 1997
a

แฟนบอล “เดอะค็อป” แสดงความรำลึกถึงต่อผู้เสียชีวิตที่ฮิลส์โบโร่ ในโอกาสครบรอบ 10 ปี หลังจากเกิดเหตุการณ์
a

ตำนานแห่งวง “บีเทิ่ลส์ ” อย่าง “พอล แม็คคาร์ทนี่ย์ ” เล่นคอนเสิร์ตที่สนามแอนฟิลด์ในช่วงปี 2008 ที่ลิเวอร์พูลเป็น “เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป”
a

แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป สนามอันเก่าแก่แห่งนี้ยังคงสามารถสร้างบรรยากาศอันสุดพิเศษได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพรอบรองชนะเลิศที่พบกับ “เชลซี”
a

เป็นครั้งแรกที่สโมสรลิเวอร์พูลเปิดเผยถึงแผนในการสร้างสนามแห่งใหม่ในบริเวณสแตนลี่ย์พาร์คในปี 2000
a

ในภาพเป็นแบนเนอร์ที่บ่งบอกความคิดเห็นของเหล่าแฟนบอล เกี่ยวกับที่ตั้งของสนามแห่งใหม่ ซึ่งจะมาแทนที่สนามแอนฟิลด์ หลังจากทางสโมสรเปิดเผยว่า พวกเขากำลังพิจารณาสถานที่แห่งหนึ่งในเขต Speke
a

เค้าโครงอันสวยงามของสนามแอนฟิลด์แห่งใหม่ ซึ่งมีแผนจะสร้างในสแตนลี่ย์พาร์ค
a

เค้าโครงของ “แอนฟิลด์ พลาซ่า” ซึ่งจะนำไปสู่สนามแอนฟิลด์แห่งใหม่
a

“ทอม ฮิคส์ ” นำเสนอการออกแบบ “แบบ HKS” ซึ่งประหยัดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างมากกว่า โดยจะเป็นสนามขนาดความจุ 71,000 ที่นั่ง บนสแตนลี่ย์พาร์ค อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสนามแบบไหนเลยที่เกิดขึ้นจริง
a

เป็นเวลา 440 วัน หลังจาก “จอร์จ ยิลเลตต์ ” สัญญาว่าจะเริ่มก่อสร้างสนามภายใน 2 เดือน ได้มีแฟนบอลจำนวนหนึ่งได้ลงมือขุด (ในเชิงสัญลักษณ์) เสียเองในสแตนลี่ย์พาร์ค ซึ่งเป็นบริเวณที่คาดว่าสนามแห่งใหม่ของสโมสรจะทำการก่อสร้าง
a

ภาพถ่ายทางอากาศของสนามแอนฟิลด์ในปี 2014
a

ภายนอกสนามแอนฟิลด์ตามที่ออกแบบไว้
a

เค้าโครงสนามแอนฟิลด์โฉมใหม่ โดยมีการนำเสนอให้ปรับปรุงด้านหน้าของ Main Stand
a

เค้าโครงของ Main Stand โฉมใหม่ ที่มีการนำเสนอขึ้นมา
a

เค้าโครงของ Main Stand ของสนามแอนฟิลด์ที่มีแผนจะขยายขนาดเพิ่มขึ้น
a

แผนการขยายอัฒจรรย์ของสนามแอนฟิลด์ (สีม่วง) ซึ่งแสดงถึงส่วนขยายที่จะยกสูงขึ้นของ Main Stand และอัฒจรรย์ฝั่งถนนแอนฟิลด์
a

บ้าน 2 หลังสุดท้ายบนถนนโลแธร์ แอนฟิลด์
a

เมฆพายุเริ่มก่อตัวที่เส้นขอบฟ้า ขณะที่บ้านหลังแรกๆ จากอีกหลายๆ หลัง ได้ถูกทุบทิ้งบนถนนโลแธร์ เพื่อหลีกทางให้อัฒจรรย์ Main Stand ของสนามแอนฟิลด์ได้ทำการปรับปรุง
a

งานก่อสร้างขยายอัฒจรรย์ Main Stand กำลังจะเริ่ม
a

การปรับปรุงอัฒจรรย์ Main Stand ในเดือนมีนาคม 2015
a

งานปรับปรุงเพื่อขยายอัฒจรรย์ฝั่งถนนแอนฟิลด์
a

ภาพงานก่อสร้างขยายอัฒจรรย์ Main Stand จากทางอากาศ
a

โครงหลังคาขนาดยักษ์ของอัฒจรรย์งฝั่งถนนแอนฟิลด์กำลังถูกติดตั้ง
a

ภาพความคืบหน้าของงานขยายอัฒจรรย์ Main Stand จากด้านในสนาม
a

อัฒจรรย์ใหม่ของสนามแอนฟิลด์กำลังถูกก่อสร้าง ในภาพเป็นมุมมองจากโบสถ์เซนต์จอร์จส์ในเอฟเวอร์ตัน
a

งานปรับปรุง Main Stand ของสนามแอนฟิลด์ ในภาพเป็นมุมมองจาก Wallasey
a

วันที่อากาศสดใสที่สนามแอนฟิลด์ โดยมี Main Stand ใหม่ตั้งตระหง่านเหนือสนามหญ้า
a

งานปรับปรุงอัฒจรรย์ Main Stand ใกล้เสร็จเรียบร้อย
a

อนุสรณ์สถานรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ฮิลส์โบโร่ตั้งอยู่ใต้อัฒจรรย์ Main Stand ใหม่
a

มุมมองจากจุดเกือบสูงสุดบนอัฒจรรย์ Main Stand ใหม่ ที่สนามแอนฟิลด์
a

ภาพถ่ายสนามแอนฟิลด์จากบนท้องฟ้า
a

แฟนลิเวอร์พูลกำลังร้องเพลง You’ll Never Walk Alone อย่างสุดเสียง บนอัฒจรรย์ Main Stand ปรับปรุงใหม่มูลค่าหลายล้านปอนด์
a
คุณอาจสนใจ :
ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล
ทำเนียบแชมป์
ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล
a
Our References :
6,492 total views, 3 views today