คาดการณ์ 11 ตัวจริง เวสต์บรอม-ลิเวอร์พูล
“ลิเวอร์พูล” จะต้องลงเล่นอีก 1 นัด หลังจากได้พักไม่ถึง 66 ชั่วโมง หลังจากชัยชนะของพวกเขาที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด โดย “เจอร์เก้น คล็อปป์” อาจจะเปลี่ยนตัวผู้เล่น 1-2 ตำแหน่ง
มันเป็นช่วงท้ายฤดูกาลที่แสนจะยุ่งยากและกดดันสำหรับ “ลิเวอร์พูล” โดยพวกเขากลับมาสู่เส้นทางแห่งการจบท็อปโฟร์อย่างเต็มตัว หลังจากชัยชนะ 2 นัดหลังสุด และผลการแข่งขันคู่อื่นๆ ก็ดูจะเป็นใจให้กับพวกเขา
การสิ้นสุดการรอคอย 2,615 วัน สำหรับชัยชนะที่บ้านของ “แมนฯ ยูไนเต็ด” น่าจะเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก
วลี “สามนัดสุดท้าย” (three finals) ได้ถูกกล่าวถึงที่ “ลิเวอร์พูล” ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยนัดแรกจะเป็นการพบกับทีมของ “แซม อัลลาร์ไดซ์ ” อย่าง “เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน” ซึ่งตกชั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับ “เจอร์เก้น คล็อปป์” นั่นหมายความว่า นักเตะ “เดอะแบกกี้ส์ ” จะลงเล่นด้วยความรู้สึกปลดปล่อย และนั่นเป็นสิ่งที่ “ลิเวอร์พูล” ต้องระวัง
พวกเขาถูกน็อคในการพบกันนัดที่แล้ว และมันอาจจะเกิดขึ้นได้อีกครั้ง และต่อไปนี้คือวิธีที่ “คล็อปป์” อาจจะจัดทีมของเขาในการไล่ล่า 3 แต้มในนัดนี้
a
อัพเดทตัวผู้เล่น
มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากจากวันพฤหัสบดี ในแง่ของตัวผู้เล่น โดยที่ “โอซาน คาบัค, เจมส์ มิลเนอร์ และนาบี้ เกอิต้า” จะไม่อยู่ในทีมในนัดนี้อย่างแน่นอน
นั่นทำให้มีตัวเลือกไม่มากนัก แต่ “เคอร์ติส โจนส์ ” พร้อมจะลงเล่น หลังจากได้ลุกออกจากม้านั่งสำรองใน 3 นัดล่าสุด
ในทำนองเดียวกัน “ซาดิโอ มาเน่” ก็หวังว่าจะได้รับเลือกโดย “เจอร์เก้น คล็อปป์” แม้ว่าเขาจะทำเย็นชาใส่ตัวผู้จัดการทีม หลังจากเป็นเพียงตัวสำรองที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด
สำหรับตัวเลือกนอกม้านั่งสำรอง “เซอร์ดาน ชากิรี่” และ “ดิว็อค โอริกี้” จะพร้อมใช้งานอีกครั้ง ในขณะที่ “เบ็น วู้ดเบิร์น” ก็อาจจะมีชื่ออยู่ในทีมเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน
a
คาดการณ์ 11 ตัวจริง
หลังจากยังคงเลือกใช้งานคู่เซ็นเตอร์แบ็ค “ฟิลลิปส์-วิลเลี่ยมส์ ” ที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด โดยต้องพบกับทีมที่แข็งแกร่งอย่าง “แมนฯ ยูไนเต็ด” ดูเหมือนว่า คู่หูนี้ได้สร้างความมั่นใจให้กับ “คล็อปป์” ไม่น้อย ยามเมื่อไม่มี “โอซาน คาบัค”
หากคู่หูเซ็นเตอร์นี้ได้ลงเล่นด้วยกันเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน นั่นหมายความว่า “ฟาบินโญ่” จะได้ลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ที่เขาถนัดอีกนัดหนึ่ง
แม้ “ลิเวอร์พูล” จะได้พักไม่มากนักระหว่างแต่ละเกม แต่จากการที่ “เจอร์เก้น คล็อปป์” เน้นย้ำถึงความสำคัญของจังหวะเกมและความสม่ำเสมอในการเล่น พวกเขาน่าจะลงเล่นด้วยความรู้สึกเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องที่ “เดอะฮอว์ธอร์นส์ “
น่าจะเห็น “ติอาโก้” และ “จีนี่ ไวจ์นัลดุม” ประจำตำแหน่งของพวกเขาในแดนกลาง ขณะที่ “โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์, ดิโอโก้ โชต้า และโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่” จะได้รับการตอบแทนเช่นกันจากการทำประตูได้ในนัดก่อน
ทำไมจะต้องเปลี่ยนผู้เล่นชุดที่ชนะด้วยล่ะ? เราจึงน่าจะได้เห็น 11 จริงของ “ลิเวอร์พูล” ดังนี้
หากจะกล่าวถึงอีกเกมที่ “เบิร์นลี่ย์ ” หลังจากนัดที่พบกับ “เวสต์บรอม” เพียง 3 วัน จึงน่าจะมีการเปลี่ยนผู้เล่น 2 ตำแหน่ง
จากการที่ตัวผู้จัดการทีมแสดงความปรารถนาที่จะรักษาเสถียรภาพในแนวรับไว้ จึงน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในแดนกลาง และแนวรุกเสียมากกว่า
เราจึงอาจจะได้เห็น “เคอร์ติส โจนส์ ” ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรกนับตั้งแต่การพ่ายแพ้ “เชลซี” ในเดือนมีนาคม ซึ่ง “ไวจ์นัลดุม” อาจจะต้องหลีกทางให้นักเตะวัย 20 ปีรายนี้ ยืนเคียงข้าง “ฟาบินโญ่” และ “ติอาโก้”
ส่วนอีกหนึ่งตำแหน่ง เราน่าจะได้เห็น “ซาดิโอ มาเน่” กลับมาสู่ตัวจริงอีกครั้ง โดยแทนที่ “ดิโอโก้ โชต้า” ซึ่ง “เจอร์เก้น คล็อปป์” ยืนยันว่า เขาไม่ได้รู้ติดใจอะไรแม้แต่น้อยจากปฏิกิริยาหลังเกมของนักเตะหมายเลข 10 รายนี้
เป็นไปได้เช่นกันที่ “ลิเวอร์พูล” อาจจะลงเล่นแบบตัวรุก 4 คน โดยมีมิดฟิลด์ยืนปักหลักเพียง 2 คน แต่ด้วยข้อจำกัดของตัวเลือกที่ม้านั่งสำรอง “เจอร์เก้น คล็อปป์” จึงไม่น่าจะเลือกแนวทางดังกล่าว
“ลิเวอร์พูล” อาจจะดูแข็งแกร่งเกินไปสำหรับ “เดอะแบ็กกี้ส์ ” ซึ่งตกชั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่การเล่นกับทีมที่ไม่มีอะไรต้องเสียแล้วเช่นนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ และพวกเขาไม่มีสิทธิ์ประมาทแม้แต่น้อย
a
คุณอาจสนใจ :
ข้อมูลนักเตะลิเวอร์พูล
ตำนานสนามแอนฟิลด์
ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล
ทำเนียบแชมป์
ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล
a
Our References :
a
1,837 total views, 1 views today