คะแนนความสามารถนักเตะ เกมเวสต์บรอม-ลิเวอร์พูล
ลูกโหม่งในช่วงต่อเวลาพิเศษของ “อลิสซอน” ช่วยให้ “ลิเวอร์พูล” พลิกกลับมาเอาชนะ “เวสต์บรอม” ไปได้ 2-1 อย่างสุดเหลือเชื่อ
เวสต์บรอมวิช 1
ลิเวอร์พูล 2
พรีเมียร์ลีก, สนามเดอะฮอว์ธอร์นส์
วันที่ 16 พฤษภาคม 2021 เวลา 23:30
ประตู : ร็อบสัน-คานู (16′)
ซาล่าห์ (34′), อลิสซอน (90+5′)
a
อลิสซอน – 9
เราขอคารวะ “ท่านเซอร์อลิสซอน” คุณเป็นตำนานอย่างแท้จริง
ลืมไปเลยว่า เขาออกมาคว้าบอลได้ถูกที่ถูกเวลาและชกบอลให้พ้นเขตอันตรายหลายต่อหลายครั้ง แม้นัดนี้เขาจะไม่ได้โชว์ลูกเซฟมากนัก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกตัดสินในฉากสุดท้ายอย่างแท้จริง
ประตูจากลูกโหม่งในช่วงต่อเวลาพิเศษของเขาช่วยรักษาความหวังในการจบท็อปโฟร์เอาไว้ได้
a
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ – 8
เล่นดีอย่างต่อเนื่องจากเกมที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งเขาได้รับเลือกเป็น “แมนออฟเดอะแมทช์ ” แม้ลูกเปิดเข้ากลางของเขาในนัดนี้จะพลาดเป้าหลายครั้งและถูกเซ็นเตอร์ร่างยักษ์ของ “เวสต์บรอม” โหม่งสกัดได้เกือบหมด นอกจากนั้น “เทรนท์ ” ช่วยบล็อกลูกยิงจ่อๆ จากเกมสวนกลับของคู่ต่อสู้ได้อย่างหวุดหวิดอีกด้วย
ลูกครอสไปยัง “ซาล่าห์ ” จากฝั่งซ้ายของสนามทำได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับความพยายามของเขาในการหยุด “ร็อบสัน-คานู” หลังจากเซ็นเตอร์แบ็คทั้งสองคนหลุดตำแหน่งไปแล้ว
มีพลังงานเหลือล้นตลอดเกม แต่ต้องบอกว่า ลูกยิงด้วยซ้ายของเขาในช่วงท้ายเกมค่อนข้างน่าผิดหวังทีเดียว
a
แน็ท ฟิลลิปส์ – 5
เล่นอย่างไม่เกรงกลัวคู่ต่อสู้แม้แต่น้อย การกระแทกที่ศีรษะและริมฝีปากที่แตกสามารถบอกได้อย่างชัดเจน แต่ถ้ากล่าวในแง่การป้องกัน เป็นนัดที่ผลงานไม่ดีเลยสำหรับ “ฟิลลิปส์ “
ประตูที่เสียไปเกิดจากการที่เขายืนต่ำเกินไป และหลังจากนั้น เขาต้องขอบคุณ “เทรนท์ ” ที่ช่วยบล็อกลูกยิงที่เขาโหม่งพลาดไว้ได้
และนัดนี้เขาก็เล่นลูกกลางอากาศไม่ดีเหมือนอย่างที่เราคาดหวังไว้อีกด้วย
a
ริส วิลเลี่ยมส์ – 5
เคลียร์บอลจากพื้นที่อันตรายไม่สำเร็จ เป็นเหตุให้ “ร็อบสัน-คานู” เลี้ยงเข้าไปทำประตูได้สำเร็จ
ตกเป็นเป้าโจมตีของคู่ต่อสู้ในฐานะจุดอ่อนของทีม ซึ่งโชคไม่ดีที่นักเตะ “เวสต์บรอม” คิดถูก และเขาเองก็ยืนยันในประเด็นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเกมดำเนินไป อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้และก้าวต่อไป
a
แอนดี้ โรเบิร์ตสัน – 6
มีความกระตืนรือร้นในการเติมเกมบุกเช่นเคย แต่นั่นทำให้คู่ต่อสู้เจาะทาง “วิลเลี่ยมส์ ” ได้ง่ายขึ้น และหลายครั้งเขาทำให้การต่อบอลของ “ลิเวอร์พูล” ค่อนข้างสูญเปล่า เนื่องจากไม่พยายามผ่านบอลเข้าไปในเขตโทษเท่าที่ควร
ปกติเป็นผู้เล่นที่คงเส้นคงวามาโดยตลอด แต่การต้องกลับมาลงเล่นอีกนัดภายใน 66 ชั่วโมงน่าจะส่งผลต่อสภาพร่างกายไม่น้อย โดยภาพรวมแล้ว นี่ไม่ใช่วันของเขา
a
ฟาบินโญ่ – 6
แสดงอาการหัวเสียจากการตัดสินของ “ไมค์ ดีน” ตลอดเกม โดยรวมแล้วเขาดูเล่นไม่ค่อยออก ซึ่งน่าจะเกิดจากขาที่เหนื่อยล้าเกินไป
a
ติอาโก้ – 9 (แมนออฟเดอะแมทช์)
เป็นกุญแจสำคัญของ “ลิเวอร์พูล” ที่พยายามทำให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น โดยการสร้างสรรค์เกมและผลักดันเพื่อนร่วมทีมไปข้างหน้า เป้าหมายคือเจาะทะลวงแนวรับของ “เวสต์บรอม” ที่ตั้งรับลึกอย่างมีวินัย
ดาวเตะชาวสแปนิชสามารถปักหลักบัญชาเกมในแดนของคู่ต่อสู้ เนื่องจาก นักเตะ “เวสต์บรอม” ปล่อยพื้นที่ว่างอย่างเหลือเฟือให้เขาทำเช่นนั้น เป็นเกมที่โดดเด่นอย่างแท้จริงของ “ศิลปินลูกหนัง” ผู้นี้
a
เคอร์ติส โจนส์ – 6
เป็นการออกสตาร์ทตัวจริงนัดแรกของเขานับตั้งแต่นัดที่พ่าย “เชลซี” เมื่อต้นเดือนมีนาคม ซึ่งนับเป็นเกมเคาะสนิมของนักเตะวัย 20 ปีรายนี้ และเขาพยายามมีส่วนร่วมกับเกมโดยตลอด
พาตัวเองเข้าไปในแดนสุดท้ายของคู่ต่อสู้ได้ดี แต่ไม่มีทีเด็ดทีขาดในจังหวะสุดท้าย เขาถูกเปลี่ยนตัวออกก่อน 1 ชั่วโมงแรกของเกม จากผลงานในนัดนี้ เขาน่าจะไม่ได้รับโอกาสในเกมกลางสัปดาห์
a
โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ – 7
เขาเปรียบประดุจแสงที่ส่องประกายของ “ลิเวอร์พูล” ในฤดูกาลนี้ ประตูที่ 22 ของเขามาจากการแตะทำทางของ “ซาดิโอ มาเน่” โดยการปั่นระยะไกลด้วยเท้าซ้ายเสียบเสาสองอย่างสวยงาม ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า “ลิเวอร์พูล” จะอยู่ตรงไหนของตารางคะแนน หากไม่มี “ซาล่าห์ “
เลี้ยงตัดเข้ากลางและทะลุแนวรับของ “เดอะแบกกี้ส์ ” ได้เรื่อยๆ แต่หาจังหวะจบสกอร์อย่างถนัดถนี่ไม่ค่อยได้
a
ซาดิโอ มาเน่ – 5
หลังจากแสดงอาการไม่พอใจ “เจอร์เก้น คล็อปป์” ในเกมที่แล้ว นัดนี้เขาได้รับโอกาสกลับมาประจำฝั่งซ้าย โดยแทนที่ “ดิโอโก้ โชต้า” ที่ได้รับบาดเจ็บ
พลาดโอกาสครั้งใหญ่ในช่วงกลางครึ่งแรก หลังจากกระชากแล้วสับไก แต่ลูกหลุดเสาไปอย่างเฉียดฉิว อย่างไรก็ตาม การขาดความกระตือรือร้นในการแย่งบอลคืนของเขา เป็นการเพิ่มงานให้แก่ “ซาล่าห์ ” อย่างเห็นได้ชัด
เขาอาจจะสูญเสียความเชื่อมั่น แต่ความทุ่มเทเพื่อทีมนั้นควรจะต้องคงอยู่ “มาเน่” ยังคงห่างไกลจากจุดที่เขาเคยทำได้
a
โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ – 7
ทำหน้าที่เป็นกัปตันทีมในเกมนี้ มีบทบาทเป็นผู้เชื่อมเกมเป็นส่วนใหญ่ และมีส่วนร่วมในประตูตีเสมอของ “ซาล่าห์ ” เขาควรจะทำประตูของตัวเองได้ในเวลาต่อมา แต่โชคไม่ดีที่บอลพุ่งชนเสาเข้าอย่างจัง
วิ่งหาพื้นที่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อย่างไรก็ตาม ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรในจังหวะสุดท้าย
a
ตัวสำรอง
เซอร์ดาน ชากิรี่ (แทน “โจนส์ ” 59′) – 5
การขาดการลงเล่นทำให้ฟอร์มการเล่น และความคิดสร้างสรรค์ของเขาหดหายไปอย่างเห็นได้ชัด
จินี่ ไวจ์นัลดุม (แทน “วิลเลี่ยมส์ ” 84′) – 6
ปรับตัวเข้ากับเกมได้อย่างทันทีทันใด และเกือบทำประตูได้
a
เจอร์เก้น คล็อปป์ – 7
สิ่งย้ำเตือนถึงฤดูกาลอันยุ่งยากเกิดขึ้นก่อนเวลาคิกออฟไม่นาน เมื่อ “ดิโอโก้ โชต้า” ได้รับบาดเจ็บ และจะไม่สามารถลงเล่นในทั้ง 3 เกมที่เหลือ
และเมื่อคุณมองไปที่ตัวเลือกบนม้านั่งสำรอง คุณจะเห็นความท้าทายที่ “ลิเวอร์พูล” จะต้องก้าวผ่านอย่างชัดเจน และหากพวกเขาจบท็อปโฟร์ได้ในท้ายที่สุด จะนับเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
รอยยิ้มและการฉลองของพวกเขาหลังจากประตูชัยของ “อลิสซอน” ได้บอกเรื่องราวเป็นอย่างดี และพวกเรากำลังมุ่งหน้าสู่อีกบททดสอบที่ “เบิร์นลี่ย์ ” ซึ่งจะต้อนรับการกลับมาของแฟนบอลอีกครั้งหนึ่งอีกด้วย
ความฝันที่จะไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกยังอยู่บนเส้นทาง เราแค่ทำมันให้สำเร็จ อีกเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น!!!
a
คุณอาจสนใจ :
ข้อมูลนักเตะลิเวอร์พูล
ตำนานสนามแอนฟิลด์
ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล
ทำเนียบแชมป์
ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล
a
Our References :
a
1,674 total views, 2 views today