การมาของ “นูนเญซ” ส่งผลต่อรูปแบบการเล่นของ “ลิเวอร์พูล” อย่างไร?

การมาของ “นูนเญซ” ส่งผลต่อรูปแบบการเล่นของ “ลิเวอร์พูล” อย่างไร?

“ดาร์วิน นูนเญซ” เป็นผู้เล่นรายที่ 2 ที่ “ลิเวอร์พุล” คว้าตัวมาได้ในช่วงซัมเมอร์นี้ การมาของเขาจะทำให้ “เจอร์เก้น คล็อปป์” หวนคืนสู่แผนเดิมหรือไม่?

ค่าตัวที่อาจจะกลายเป็นสถิติใหม่ของสโมสรสำหรับ “นูนเญซ” วัย 22 ปี เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น แต่มันจะ “ทำลาย” รูปแบบการเล่นของ “ลิเวอร์พูล” หรือไม่

คำตอบคือ ไม่ เนื่องจากสโมสรจะเซ็นสัญญากับผู้เล่น ที่พวกเขาคิดว่าจะเข้ากับสิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้เท่านั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า “นูนเญซ” จะไม่นำแนวทางใหม่ๆ มาให้กับ “คล็อปป์”




หนึ่งในนั้นอาจจะเป็นการหวนคืนสู่ระบบ 4-2-3-1 ที่เขาเคยโปรดปราน

เมื่อศึกษาแท็คติกของ “คล็อปป์” ที่ “ลิเวอร์พูล” เมื่อปี 2016 หลังจากที่เขาคุมทีมมาเป็นเวลา 1 ปี มันมีจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนจาก 4-2-3-1 ที่เขาเคยใช้ที่ “โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์” และในช่วงแรกๆ ที่ “ลิเวอร์พูล” มาเป็น 4-3-3 ที่ประสบความสำเร็จ

มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของมิดฟิลด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 คน ที่อยู่ข้างหน้าหรือข้างๆ มิดฟิลด์ตัวรับ

โดยขึ้นอยู่กับจุดแข็งของแต่ละคน กองกลางเหล่านี้ทำทุกอย่างตั้งแต่สนับสนุนผู้เล่นแนวรุก ไปจนถึงถอยมายืนเป็นระนาบ 3 คน หรือบางอย่างที่คล้ายคลึงกับ 4-2-3-1 แต่ไม่ใช่ซะทีเดียว

การมาถึงของ “นูนเญซ” จาก “เบนฟิก้า” ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า “คล็อปป์” อาจกลับไปใช้รูปแบบดั้งเดิม

a

นู-เลวานดอฟสกี้?

ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลเยอรมันหลายคน หรือแม้แต่แฟนบอลของ “บาเยิร์น มิวนิค” บางคน รู้สึกผิดหวังที่ทีมแชมป์แห่ง “บุนเดสลีกา” ไม่ได้ดึงตัว “นูนเญซ” มาแทนที่ “โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้”

ก่อนที่ “เลวานดอฟสกี้” จะเซ็นสัญญากับ “บาเยิร์น” กองหน้าตัวกลางเป็นส่วนสำคัญของการยืนตำแหน่งของ “ดอร์ทมุนด์” และการเปรียบเทียบระหว่างนักเตะโปแลนด์รายนี้ และ “นูนเญซ” โดยผู้ที่ติดตามฟุตบอลเยอรมัน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ่งชี้ว่า “คล็อปป์” อาจหวนคืนสู่ระบบ 4-2-3-1

การคาดการณ์ก็คือ “นูนเญซ” คือ “เลวานดอฟสกี้” คนใหม่ของ “คล็อปป์”




ในขณะนี้ เราแค่กำลังคาดเดาสิ่งที่ “คล็อปป์” และสต๊าฟฟ์โค้ชของเขากำลังจะทำ และพวกเขาน่าจะใช้ระบบ 4-3-3 โดยใช้ “นูนเญซ” เป็นลูกผสมระหว่าง “โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่” และ “ดิโอโก้ โชต้า” ในบทบาทกองหน้าตัวเป้า

“นูนเญซ” เข้ามาแทนที่เป้าหมายทางอากาศที่ “ลิเวอร์พูล” จะต้องคิดถึง หลังจาก “ซาดิโอ มาเน่” และ “ดิว็อค โอริกี้” จากไป

บางทีเขาอาจจะเข้ามาแทนที่ผู้เล่นทั้ง 2 คน และจะทำให้สโมสรมุ่งเน้นความพยายามในการสรรหาผู้เล่นในตำแหน่ง และในคุณลักษณะอื่นๆ

ความสามารถรอบด้าน และความปราดเปรียวของเขา บวกกับความจริงที่ว่า เขายังเด็กพอที่จะถูกหล่อหลอมให้เป็นกองหน้าที่ “คล็อปป์” ต้องการให้เขาเป็น หมายความว่า การเปรียบเทียบกับ “เลวานดอฟสกี้” อาจจะมีน้ำหนักอยู่บ้าง แต่ในขณะนี้การเปรียบเทียบส่วนใหญ่เป็นเรื่องของตำแหน่งเสียมากกว่า

a

หมายเลข 10 หรือกองหน้าตัวที่ 2

ในตำแหน่งข้างๆ หรือข้างหลัง “นูนเญซ” ในระบบ 4-2-3-1 ที่เราสมมตินี้ “ลิเวอร์พูล” จะมีทางเลือกอยู่จำนวนหนึ่ง

ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาต้องการใช้ตำแหน่งนี้เพื่อรองรับผู้เล่นหมายเลข 10 หรือศูนย์หน้าตัวที่ 2 พวกเขามีตัวเลือกทั้ง 2 แบบ และมีแนวโน้มที่จะใช้ทั้ง 2 แบบ

คุณสามารถจินตนาการได้ว่า “ฟีร์มีโน่” จะมีความสุขกับชีวิตใหม่ในบทบาทนี้ โดยผสมผสานทั้ง 2 แบบเข้าด้วยกัน ในขณะที่ความคิดสร้างสรรค์ และเทคนิครอบด้านของ “ติอาโก้” ทำให้เขาขึ้นมาเล่นตำแหน่งหมายเลข 10 ได้อย่างง่ายดาย หากจำเป็น

ตำแหน่งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้เล่นอายุน้อยอย่าง “ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์” และ “ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่” ซึ่ง “ลิเวอร์พูล” คว้าตัวทั้ง 2 คน มาในฐานะผู้เล่นพรสวรรค์สูง และมีคุณภาพมากพอที่จะเป็นสมาชิกของทีมชุดใหญ่

เพื่อให้เส้นทางนี้ยังคงอยู่ และดึงดูดผู้เล่นที่คล้ายคลึงกันในอนาคต พวกเขาจะต้องสร้างสรรค์เกมให้ได้

สิ่งสำคัญก็คือ พวกเขาดีพอที่จะทำเช่นนั้น โดย “เอลเลียตต์” ได้พิสูจน์มาบ้างแล้ว ในขณะที่ “คาร์วัลโญ่” ก็ได้ส่งสัญญาณอันสดใสที่ “ฟูแล่ม” เช่นกัน

รูปแบบที่รองรับหมายเลข 10 จะเหมาะสำหรับพวกเขา แม้ว่าทั้งคู่จะมีความอเนกประสงค์พอที่จะเล่นในแนวกว้างในระบบ 4-2-3-1 หากจำเป็น

ตัวเลือกอื่นในตำแหน่งนี้คือ “โชต้า” โดยบางครั้งผู้เล่นชาวโปรตุกีสเล่นในบทบาทที่คล้ายคลึงกันที่ “วูล์ฟส์” รอบๆ หรือด้านหลังหมายเลข 9

ฤดูกาลที่แล้ว “โชต้า” ได้แสดงสัญชาตญาณในการจบสกอร์อันยอดเยี่ยม และยังแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นในลูกกลางอากาศอย่างมากอีกด้วย

ลองนึกภาพภัยคุกคามทางอากาศของ “ดิโอโก้ โชต้า” ข้างหลัง “นูนเญซ” ทำให้กลายเป็นระบบ 4-2-4 ที่เราเคยเห็นจาก “คล็อปป์” ในเวลาที่ “ลิเวอร์พูล” ต้องการประตู

แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ได้ถูกใช้เพื่อทำประตูในช่วงท้ายเกม “เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์” ก็สามารถหุบเข้ามาเป็นมิดฟิลด์ แทนที่จะวิ่งตลบปีก ซึ่งยังคงสร้างการครองบอลในระบบ 2-3-5 ซึ่งบ่อยครั้งที่เรายังคงมองเห็นเป็นระบบ 4-3-3 อยู่นั่นเอง

a

ข้อพิจารณาอื่นๆ

ยังไม่ต้องการมิดฟิลด์ตัวใหม่?

มิดฟิลด์ได้รับการคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่า เป็นจุดที่ทีมควรจะเสริมความแข็งแกร่ง แต่ถ้า “ลิเวอร์พูล” เปลี่ยนไปใช้ 4-2-3-1 พวกเขาอาจไม่คิดว่าพวกเขาต้องการ

ด้วยผู้เล่นที่กล่าวถึงข้างต้น เป็นตัวเลือกที่อยู่หลังกองหน้า ทำให้เหลือกองกลางที่ต้องใช้งานเพียง 2 ตำแหน่ง จาก “ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้, นาบี เกอิต้า และเจมส์ มิลเนอร์”

พวกเขาอาจพิจารณาว่า “ลึกเกินพอ” สำหรับพื้นที่นี้

“เคอร์ติส โจนส์” เป็นผู้เล่นอีกรายที่ถูกมองว่าเข้ากับตำแหน่งนี้เช่นกัน และเขาสามารถเล่นในทางกว้างได้ เช่นเดียวกับในตำแหน่งมิดฟิลด์

ซึ่งหมายความว่า พวกเขาสามารถรอจนถึงฤดูกาลหน้า เพื่อเซ็นสัญญามิดฟิลด์รุ่นต่อไป ในกลุ่มอายุที่ใกล้เคียงกับ “นูนเญซ” ในซัมเมอร์นี้ และ “อิบราฮิมา โคนาเต้” เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว

4-4-2

จากการเห็นว่า “นูนเญซ” เคยเล่นเคียงข้างศูนย์หน้าอีกคนที่ “เบนฟิก้า” ก็มีความเป็นไปได้ที่ระบบจะลงเอยด้วยการเป็น 4-4-2 เมื่อ “ลิเวอร์พูล” ตั้งรับในแดนของตัวเอง

a

ผู้เชี่ยวชาญลูกตั้งเตะ

“นูนเญซ” ทำประตูจากลูกโหม่งจำนวน 6 ลูก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเท่ากับที่ “โชต้า” ทำให้กับ “ลิเวอร์พูล”

นั่นดูเหมือนว่า “ลิเวอร์พูล” จะเป็นทีมที่อันตรายจากลูกตั้งเตะมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่ของความสามารถในการเปิด และความสามารถในลูกกลางอากาศ ซึ่ง “นูนเญซ” จะเข้ามาช่วยเสริมความน่ากลัวในเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน




คุณอาจสนใจ :

ตำนานสนามแอนฟิลด์
ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล
ทำเนียบแชมป์
ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล

a

Our References :

liverpoolfc.com

liverpoolecho.co.uk

thisisanfield.com

a

 2,739 total views,  1 views today

5 1 vote
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด