ไรอัน กราเฟนเบิร์ช กองกลางดีกรีทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ออกมาเปิดเผยว่า รู้สึกภูมิใจอย่างมากที่สามารถแสดงตัวตนออกมาได้อีกครั้ง หลังเป็นกำลังสำคัญในการพาลิเวอร์พูล ต้นสังกัดของเขา ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024-25 มาครองได้สำเร็จ
ก่อนหน้านี้ ไรอัน กราเฟนเบิร์ช คว้าแชมป์คาราบาว คัพ มาครองได้สำเร็จ ในฤดูกาลแรกของเขากับทีมหงส์แดง เมื่อฤดูกาล 2023-24
ก่อนที่ในฤดูกาลนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้จัดการทีมจาก เจอร์เกน คล็อปป์ เป็น อาร์เนอ ชล็อต ทาง กราเฟนเบิร์ช ได้ถูกปรับให้ลงมาเล่นในตำแหน่งที่ยืนต่ำกว่าเดิม แต่เจ้าตัวก็ไร้ปัญหาในการปรับตัว และกลายเป็นแกนหลักในแดนกลางของทีมซึ่งเขาได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงไปถึง 34 เกม ในศึกพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลล่าสุด
และบทพิสูจน์ที่เป็นการตอกย้ำความสำเร็จของเขา คือ การที่เขาได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลล่าสุด
โดยนักเตะเจ้าของเสื้อหมายเลข 38 ของลิเวอร์พูล ออกมาเปิดใจถึงความสำเร็จดังกล่าว ว่า “ผมยังไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองได้รับรางวัลอะไรมากนัก บางทีมันอาจจะมาถึงในภายหลัง ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วมาก”

“แน่นอน ผมรู้ว่าการคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก เป็นหนึ่งในรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณสามารถคว้าชัยชนะได้ สำหรับช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา มันเป็นการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ และการได้ขึ้นรถบัสฉลองแชมป์นั้นเป็นประสบการณ์ที่มหัศจรรย์มาก”
“มันเป็นฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ และนั่นทำให้ผมภูมิใจ พรีเมียร์ ลีก นั้นเป็นลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ผมได้แสดงตัวตนออกมาให้โลกได้เห็นอีกครั้ง และสามารถบรรลุเป้าหมายของผมได้”
“ตอนที่โค้ชบอกผมว่าเขาต้องการให้ผมไปเล่นตรงไหนนั้น ผมแค่คิดว่า เมื่อไรผมจะได้เริ่มเล่นกันล่ะ? ผมรู้ดีว่าผมสามารถทำมันได้ แม้ว่าผมจะมีคำถามในบ้างครั้งเกี่ยวกับการเล่นเกมรับก็ตาม ผมคิดว่าผมได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมากเพราะมันออกมาได้อย่างเป็นธรรมาชาติ”
“ตั้งแต่การซ้อมครั้งแรก มันก็ออกมาได้ค่อนข้างดี และระหว่างฤดูกาล คู่ต่อสู้ต่างก็เริ่มใส่ความกดดันที่แตกต่างกันออกมาใส่พวกเราและประกบติดพวกเราในแดนกลาง แต่นั่นก็ทำให้เกิดพื้นที่ว่างขึ้นในบริเวณอื่นแทน มันขึ้นอยู่กับพวกเราเองที่ต้องมองหาผู้เล่นที่ว่างให้เจอ”
“แน่นอนว่าความเข้มขึ้นนั้นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพรีเมียร์ ลีก ผมมีมันโดยธรรมชาติ ผมสามารถวิ่ง แต่ที่อาแจ๊กซ์คุณอาจจะได้ซ้อมเรื่องเทคนิคหรือตำแหน่งการเล่นมากกว่า แต่ที่อังกฤษ คุณต้องวิ่งเยอะกว่านั้นมาก”
49 total views, 6 views today